web analytics

ติดต่อเรา

New MG HS PHEV ทดสอบจริง วิ่งได้ 49.40 กม./ลิตร

MG HS PHEV รุ่นใหม่ กับกระแสรถไฟฟ้า ปลั๊กอิน ไฮบริดมาแรงในขณะนี้ HS PHEV เป็นหนึ่งในรถ SUV ที่ออกมาทำตลาดได้ไม่นาน หน้าตาและความทันสมัยต่าง ๆ นั้นจะมีดีอะไรบ้าง?? กับค่าตัว 1.359 ล้านบาท

MG HS PHEV เป็นรถคันแรกจากค่าย MG ที่เป็นระบบ PHEV ก่อนหน้านี้มีรถไฟฟ้า 100% แล้วถึง 2 รุ่น เรามาทำความรู้จักเพิ่มเติมว่า PHEV มีข้อดีอย่างไรบ้าง ชาร์จไฟแล้วสามารถวิ่งได้กี่ กิโลเมตร ความสะดวกสบายเป็นอย่างไรกันบ้าง ทาง MG จึงได้ทำการจัดทดสอบในรูปแบบ วันเดย์ทริป  เพื่อให้ได้เห็นถึงความสามารถของตัวรถ

เริ่มกันจากการออกแบบภายนอก หน้าตาเหมือนกับ  HS ในรุ่นปกติทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียวที่ต่างกันคือ ลวดลายของล้อขนาด 18 นิ้ว Thunder Wing Blade โดยการออกแบบ HS PHEV เน้นความหรูหราและความสปอร์ตผสมผสานกันได้อย่างลงตัว มีการใช้เส้นสายตัวถังที่โค้งมน ในรูปแบบ British Shoulder Line กระจังหน้าเอกลักษณ์เฉพาะของเอ็มจีแบบ Stellar Magnetic Field ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ด้านท้ายมาพร้อม ไฟท้าย LED Space Light Field ที่มีความโฉบเฉี่ยวและไฟเลี้ยวแบบ Sequential

ตัวถัง  MG HS PHEV กว้าง  1,876 มิลลิเมตร ยาว  4,574 มิลลิเมตร สูง  1,664 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตรวิ่งได้ไกลสุด 68.6 กม.

การตกแต่งภายใน เน้นความหรูหราเทียบเท่ารถยุโรปได้เลย แต่ราคาเข้าถึงได้ สิ่งที่เป็นจุดเด่นสำหรับ  MG HS PHEV เบาะนั่งตกแต่งด้วยสี 2-Tone Monaco Blue วัสดุ Soft Touch เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง มาพร้อม Ambient Light ที่สามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 64 เฉดสี

จอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอควบคุมกลางแบบทัชกรีนขนาด 10 นิ้ว ระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System พร้อมสร้างบรรยากาศและสีสันให้กับการขับขี่ด้วย Interactive เพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในห้องโดยสารด้วย NVH Luxury Silence Space เพิ่มฟิล์มกันเสียง และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกฝั่ง Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสาร ตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start และฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้าเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน พร้อมหลังคาซันรูฟที่เปิดกว้างแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) บนพื้นที่เกือบ 90% ของพื้นที่หลังคา

HS PHEV ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จากขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor  ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร

มีระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 7.5 วินาที มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco โหมด EV และโหมด Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport ที่สามารถเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

แบตเตอรี่ใน NEW MG HS PHEV เป็นแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูง โดยมีขนาดใหญ่ถึง 16.6 kWh ทำให้มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการสะสมพลังงานได้มากกว่าจึงวิ่งได้ นานขึ้น รวมถึงการทำระยะทางได้มากขึ้น โดยสามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สูงสุดถึง 67 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีในมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Hairpin Design ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถดึงสมรรถนะของการส่งกำลังและลดอัตราการสูญเสียพลังงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมระบบระบาย ความร้อนแบบ Coolant ซึ่งดีกว่าระบบระบายความร้อนแบบปกติ ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการขับขี่ด้วยแบตเตอรี่ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก AMERICAN UL2580 และผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น

NEW MG HS PHEV มาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถชาร์จพลังงาน ในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ และด้วยเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ทำให้ NEW MG HS PHEV มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดอยู่ที่ 65 กิโลเมตรต่อลิตร* และมีการปล่อยค่าไอเสีย หรือคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 36 กรัมต่อกิโลเมตร

NEW MG HS PHEV ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วยระบบกันสะเทือนของช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension เสริมด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut และช่วงล่างหลังแบบ Multi-link ที่มาพร้อมเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่บนทุกสภาพถนน

ในส่วนของระบบความปลอดภัย  MG HS PHEV มีระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย (Full Space Frame) และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System กว่า 25 ระบบ โดยแบ่งออกเป็นระบบความปลอดภัย เชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรก และช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ จำนวน 14 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการ ขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 11 ระบบ

สำหรับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ถือเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับที่ 2 (Partial Automation) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้

1.กลุ่มระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา RDA (Rear Drive Assist)

  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)

2.กลุ่มระบบเตือนและควบคุมให้รถอยู่ในเลน LAS (Lane Assist System)

  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)

3.กลุ่มระบบที่ช่วยในการขับขี่ FDA (Front Drive Assist)

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)

 

การทดสอบ MG HS PHEV

ทาง MG ได้วางเส้นทางในการวิ่งทดสอบโดยเน้นการใช้งานในเมืองเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพของตัวรถว่าใช้งานจริงแล้วเป็นอย่างไร?? สำหรับผู้หญิงในการขับขี่รถขนาดใหญ่แบบ SUV อาจจะรู้สึกว่าลำบาก แต่ในความเป็นจริงที่เข้ามานั่งในรถแล้ว กับให้ความรู้สึกสบาย ด้วยเบาะนั่งที่มีขนาดใหญ่นั่งสบาย ปรับได้หลายทิศทาง ตัวรถสูงทำให้มุมมองง่ายขึ้น เพิ่มความปลอดภัยด้วยกล้อง 360 องศา ออกจากจุดเริ่มที่ CDC ผ่านสภาพการจราจรที่หนาแน่นในเมือง พร้อมเปิดระบบการวิ่งแบบ EV รถขับขี่ง่าย และยิ่งเป็นรถที่สูงทำให้ตำแหน่งในการมองนั้นยิ่งสะดวกมากขึ้นอีก วิ่งแบบใช้พลังงานไฟฟ้า รถเงียบมาก พร้อมเปิดเครื่องเสียงจาก BOSE ทำให้การขับขี่ในเมืองเพลินมาก

การตกแต่งภายในรถดูสวยหรู หน้าจอต่าง ๆ ดูทันสมัยและอาจจะต้องใช้เวลานานกว่านี้เพื่อความคุ้นชินกันก่อนเพราะระบบเยอะเหลือเกิน วิ่งตามเส้นทางผ่านเมืองไปจุดแรกกับร้านกาแฟชื่อดัง ร้านกาแฟ นานา ราชพฤกษ์ ระยะทางประมาณ 35กม. วิ่งโดยใช้ไฟฟ้า อย่างเดียวกับพลังงานที่วิ่งได้ตามหน้าจอที่แจ้งไว้ถือว่าตรงกัน นั้นแสดงให้เห็นว่าถ้าเราใช้งานในเมืองจริงในสภาพรถติดก็สามารถใช้ไฟฟ้าวิ่งอย่างเดียวได้ อารมณ์เดียวกับรถไฟฟ้าเลย

วิ่งออกจากร้านกาแฟ เข้าเส้นสาธร เพื่อกินข้าวในสภาพรถติดไฟก็ยังเหลือให้ใช้งานได้ แม้ว่ารถจะติดแต่สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในรถนั้นทำให้ลืมเรื่องรถติดไปเลย ช่วงล่างที่นุ่มนวล เครื่องยนต์เงียบ แต่เมื่อต้องการเร่งแซงก็สามารถทำความเร็วได้สบาย และเมื่อไฟฟ้าอ่อนลงตัวรถก็มีระบบชาร์จ กลับเข้าให้ที่แบตเตอรี่ อัตโนมัติ หรือจะเลือกให้ชาร์จเร็วขึ้น ก็ทำได้แต่ต้องเข้าไปที่หน้าจอหลัก อันนี้อาจจะยุ่งยากหน่อย ระบบปรับอากาศก็ทันสมัยเกิน ต้องเข้าไปปรับที่หน้าจอเช่นกัน

วิ่งวนรอบเมืองกลับมาที่จุดเดิม CDC เรียบร้อย ต้องบอกว่า MG HS PHEV เป็นรถคันใหญ่ที่ขับขี่ง่ายเหมาะกับในเมืองมากเพราะจะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกได้ว่า สิ่งอำนวยความสะดวกนั้นมากเพียงใด แถมประหยัดน้ำมันมาก ๆ

สรุปผลจากการทดสอบ MG HS PHEV ในรถทดสอบทั้ง 8 คัน

  • เส้นทางทดสอบแบบใช้งานจริงภายในเมือง (รถค่อนข้างเยอะ/ความเร็วเฉลี่ย 24.58 กิโลเมตร/ชม.) (ระยะทางทดสอบเฉลี่ยรวมจากทุกคัน 73.15 กม. )
  • อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของรถที่ใช้ EV Mode และ AUTO Mode สลับแบบการใช้งานทั่วไป 49.40  กม./ลิตร
  • อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยรวมของรถทดสอบทั้ง 8 คัน / บางคันมีการขับขี่ทุกโหมด 32 กม./ลิตร (แบบขับปกติ ไม่กดชาร์จและSuper Sport / อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย  44.40  กม./ลิตร)
  • ระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ด้วย EV Mode เฉลี่ยรวมของทั้ง 8 คัน 60.15 กม. (คันที่สามารถวิ่งได้ไกลสุด 68.6 กม.)
  • ปริมาณใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต่อคัน เฉลี่ยรวมทุกคัน  1 ลิตร 619 ซีซี. /วัน

สำหรับ MG HS PHEV เป็นรถที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัยก็ว่าได้ แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงก็ตาม ยิ่งรถคันใหญ่แต่สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย พร้อมให้ที่เก็บของแบบเพียบๆ ร่วมถึงการใช้งานแบบ EV ยิ่งทำให้รถคันนี้น่าสนใจมากขึ้นเพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบรถเสียงดัง อันนี้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ และเมื่อเราต้องการ แต่งหน้าในรถแสงสว่างจาก Panoramic Sunroof เพียงพอแน่นอน

ถ้ามีเด็ก ๆ ในรถอันนี้ยิ่งทำให้สามารถขนสัมภาระต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย แต่คงต้องเลือกในรุ่นที่เป็นเบาะสีดำ เพราะถ้าสีขาวคงรักษายากมาก ในส่วนการบำรุงรักษานั้นทาง MG ก็มีการรับประกันอย่างดี

NEW MG HS PHEV ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 16.6 kWh แบ่งแบตเตอรี่ออกเป็น 6 โมดูล หากใช้งานรถยนต์ไปจนถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนแบต เราสามารถเลือกเปลี่ยนแบตเฉพาะโมดูลที่เสื่อมหรือมีปัญหาได้ ราคาโดยประมาณของ 1 โมดูล จะอยู่ที่ราว ๆ 20,000 บาท เท่านั้น และที่สำคัญตอนนี้ MG รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี โดยที่ไม่จำกัดระยะทางเลยทีเดียว

ราคาค่าตัว MG HS PHEV อยู่ที่ 1,359,000 THB

 

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *