web analytics

ติดต่อเรา

สมาร์ทเอสยูวี สั่งงานด้วยเสียง ที่มีครบ จัดเต็ม กับ MG ZS ใหม่………

เรื่อง…EDITOR

MG ZS  สมาร์ทเอสยูวีที่มาพร้อมกับออพชั่นจัดเต็ม ล้ำยุคแบบหนึ่งเดียวในรถขนาดเดียวกัน เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด กับราคาเริ่มต้นที่ 6.79 –  7.89 แสนบาท ที่หลายคนต่างหนาวไปตาม ๆ กัน พร้อมกับคำถามที่ได้ยินมาทันทีก็คือ ระบบสั่งงานด้วยเสียงใช้งานเป็นอย่างไร?? และใช้ได้จริงหรือไม่?? มาติดตามกันเลย

MG ZS มีด้วยกัน 3 รุ่นย่อย คือ  MG ZS 1.5L C ราคา 679,000 บาท , MG ZS 1.5L D ราคา 729,000 บาท และ MG ZS 1.5L x ราคา 789,000 บาท ภายนอกโดยรวมเรื่องความสวยนั้นแล้วแต่ชอบกันเลย จุดต่างของ MG ZS ทั้ง 3 รุ่นที่พอจะสังเกตและมองเห็นได้ชัดเจนก็คือ ด้านหน้าในรุ่น C คือรุ่นล่าง จะไม่มีไฟเดย์ไทม์และสปอร์ตไลท์ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และไม่มีราวหลังคา ส่วนในรุ่น D เป็นรุ่นกลาง จะมีราวหลังคามาให้ และมีไฟเดย์ไทม์และสปอร์ตไลท์ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายเดียวกับรุ่น C และในรุ่น X รุ่น Top จะมีราวหลังคา มีหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาที่มีขนาดใหญ่เปิดได้กว้าง มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารของ MG ZS  รุ่น C ตัวล่าง คอนโซลหน้า แผงประตู จะเป็นสีดำ เบาะนั่งจะหุ้มด้วยผ้า ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา ส่วนในรุ่น D  รุ่นกลาง และรุ่น X รุ่น Top  ภายในจะเป็นสีน้ำตาล-ดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนโทรล


ไฮไลท์อีกตัวของ MG ZS อยู่ที่ รุ่น X รุ่น Top จะอยู่ที่ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย เพียงพูดคำว่า “Hello MG” หรือกดปุ่มที่พวงมาลัยด้านขวา ก็สามารถสั่งงานทั้งเปิด-ปิด เอียง ยก แง้ม ซันรูฟ เปิด-ปิดแอร์ ปรับเร่ง-ลดพัดลม ปรับเป่าตัว เป่าเท้า เปิด-ปิดกระจกฝั่งคนขับ สั่งงานระบบเครื่องเสียง และสั่งงานระบบโทรศัพท์

ส่วนอีกวิธีที่จะสามารถสื่อสารกับตัวรถ MG ZS คือ การสั่งการผ่านระบบ i-SMART application จากสมาร์ทโฟน ที่สามารถสั่งเปิดระบบปรับอากาศผ่านแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย โดยตัวรถยังล็อคอยู่ และจะทำงานประมาณ 10 นาที ถ้าเรายังไม่เดินมาเปิดรถ ระบบจะยกเลิกการทำงาน นอกจากนี้ ระบบ i-SMART application ยังสามารถดูข้อมูลตัวรถ อาทิ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ และระบบเบรก ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมกับช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรมหรือออกนอกพื้นที่ที่กำหนดไว้ได้ด้วย

MG ZS  มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ บล็อกเดียวกับ MG 5 แต่ได้รับการปรับจูนใหม่ ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH 4 สูบ ให้พละกำลัง 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode และยังรองรับ E85 ได้อีกด้วย

ขณะเดียวกันยังมีระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มเรียกว่าเหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน อาทิ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัยรวมทั้งหมด 6 จุด และยังรวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ ซึ่งมีอยู่ในทุกรุ่นของ MG  ZS และที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่น X  หรือรุ่น Top คือ ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์อยู่ที่ตัวล้ออัลลอย สามารถเปลี่ยนยางทั่วไปได้ปกติ แต่ถ้าเปลี่ยนล้ออัลลอยใหม่ระบบนี้ก็จะไม่ทำงาน

สำหรับการทดลองขับ MG ZS เริ่มกันที่ศูนย์ฝึกอบรม MG ย่านถนนศรีนครินทร์ โดยมีเป้าหมายการเดินทางกับการใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทางไป-กลับกว่า 400 กม. หลังรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลของ MG ZS  เรียบร้อย ก็เริ่มเดินทางด้วยรถทดลองขับ MG  ZS 1.5x  รุ่นท๊อปเดินทางกัน 2 คนสลับผลัดเปลี่ยนกันทดลองขับ

เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารในตำแหน่งผู้ขับขี่ เบาะนั่งแบบปรับมือ นั่งได้ค่อนข้างสบาย ภายในตกแต่งเน้นสีน้ำตาล-ดำ คอนโซลหน้า แผงประตูข้างเป็นวัสดุแบบนุ่ม ถือว่าดูทันสมัย  พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงท้ายตัดสามารถปรับขึ้นลงได้ แต่ปรับดึงเข้าออกไม่ได้ จุดเด่นของพวงมาลัย MG ZS  ก็คือจะสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ 3 ระดับ คือ Comfort, Normal และ Sport และแปรผันน้ำหนักตามความเร็วได้ โดยการปรับตั้งสามารถทำได้ที่หน้าจอสัมผัสบริเวณคอนโซล จากการทดลองปรับในระดับต่าง ๆ ก็สามารถให้ความแตกต่างได้อย่างชัดเจน จุดนี้ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นที่ดี เพราะผู้ขับขี่แต่ละคนจะชอบน้ำหนักพวงมาลัยทีไม่เหมือนกัน โดยทั้ง 3 ระดับจะทำงานที่ไม่เกินความเร็ว 100 กม./ชม. ถ้าความเร็วเกินจะตัดเข้าทำงานแปรผันน้ำหนักตามความเร็ว และสำหรับ MG ZS 1.5x ก้านไฟเลี้ยวอยู่ด้านซ้ายแบบรถยุโรป ด้านล่างติดกันจะมีก้านระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนโทรล ที่ใช้งานง่าย เพียงดึงก้านเข้าหาตัวผู้ขับขี่จะเป็นการเปิดระบบและกดปุ่มตรงหัวก้านปรับเป็นการสั่งล็อคความเร็ว และสามารถเพิ่มลดความเร็วได้โดยปรับขึ้น-ลง ขับขี่ไปก็ทดลองเล่นอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถที่ติดตั้งมาอย่างสนุกสนาน  ผสานกับพละกำลังจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด สามารถเรียกอัตราเร่งพุ่งออกไปได้ไม่ยากนัก

ช่วงที่ขับในเมืองมีการจราจรหนาแน่นพอสมควรถือว่า เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ของ MG ZS ช่วงรอบต่ำสามารถส่งกำลังได้ดีต่อเนื่องราบเรียบ ทำให้การขับเปลี่ยนเลนกับสภาพการจราจรทำได้แบบสบายเพียงพอกับการใช้งาน และเมื่อถึงช่วงวิ่งขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าออกนอกเมืองสู่ จ.ระยอง เริ่มรู้สึกถึงอัตราเร่งในช่วงกลางเป็นต้นไปจะมากันแบบเรื่อย ๆ เรียกว่าถ้าจะเหยียบคันเร่งกันแบบมิดเรียกพละกำลังมาใช้ก็จะมีแต่รอบเครื่อง ตัวความเร็วจะไม่ค่อยไปตามนัก ต้องใช้วิธีเดินคันเร่งแบบเนียน ๆ ค่อย ๆ ไล่ความเร็วขึ้นไปก็พอจะได้ความเร็วที่ต้องการ แต่ที่แน่ ๆ อัตราเร่งเมื่อเทียบความรู้สึกกับพวกเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT แล้วระบบเกียร์ของ MG ZS สามารถส่งกำลังได้ต่อเนื่องนุ่มนวลดีกว่าที่คิด  และในช่วงที่ขับทำความเร็วมาและต้องการเร่งแซงก็จะต้องกะระยะและเพื่อพื้นที่ในการเร่งแซงพอสมควร อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบปรู๊ดปร๊าด


สำหรับในช่วงขับทำความเร็วนอกเมือง 120-140 กม./ชม. แบบลอยตัวไปเรื่อย ๆ ถือว่า MG ZS ทำได้อย่างน่าพอใจ ทั้งด้านการควบคุมพวงมาลัยที่มีน้ำหนักติดมือ ระบบช่วงล่างก็ยังคงไว้ใจได้ในสไตล์ European Tuning Suspension ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ที่เกาะถนนหนึบพอสมควร โดยจะรู้สึกนิ่มกว่า MG GS นิดหน่อย ทำให้การนั่งโดยสารนุ่มนวลกว่า และยังมาพร้อมระบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ ที่ให้น้ำหนักเบรกได้ตามสั่ง

การเก็บเสียงในห้องโดยสารของ MG ZS ก็ถือว่าทำได้อย่างน่าพอใจ เพราะกว่าจะได้ยินเสียงลมชัดเจนก็ต้องใช้ความเร็วเกิน 120 กม./ชม. ก็เหมือนรถทั่ว ๆ ไปในขนาดเดียวกัน นอกจากนี้บางช่วงยังได้ทดลองใช้การสั่งงานด้วยเสียงในฟังก์ชั่นต่าง ๆ ก็ถือว่าใช้งานได้น่าพอใจ โดยเฉพาะการสั่งงานให้เปิดและปิดชันรูฟถือว่าสามารถรับคำสั่งที่เราพูดได้ดี โดยการออกเสียงภาษาไทยก็ไม่ถึงกับต้องชัดเจนถูกต้องนัก ระบบก็สามารถทำตามคำสั่งได้ ส่วนระบบ iSmart ก็ให้ความสะดวกโดยเฉพาะช่วงแวะพัก แล้วจะเดินทางต่อเราก็สามารถสั่งเปิดแอร์สตาร์ทรถจากสมาร์ทโฟนรอไว้ได้เลย รวมถึงสามารถเช็กข้อมูลต่าง ๆ ของรถได้อีกด้วย อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะอยู่ที่ประมาณ 12-13 กิโลลิตร

ในเรื่องของการบริการหลังการขาย ช่วงนี้ MG ZS  จะมาพร้อมแพ็คเกจใช้งานระบบอัจฉริยะ i-SMART ฟรี เป็นระยะเวลา 5 ปี และสบายใจกับการบริการ Passion Service ด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 ก.ม. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ช.ม. รวมไปถึงบริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobile Services)


สรุปทิ้งท้าย  MG ZS สมาร์ทเอสยูวีรุ่นใหม่ของ MG ที่พละกำลังเครื่องยนต์อาจจะไม่ใช่จุดเด่นกับการชอบขับขี่ใช้ความเร็ว แต่ก็สามารถเรียกอัตราเร่งออกมาใช้งานกันได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์บนท้องถนน แม้ว่าจะไม่ปรู๊ดปร๊าด แต่ก็พอไปไหนมาไหนได้กับระยะทางไกล การใช้ความเร็วคงที่แบบลอยตัวก็ใช้งานได้เพียงพอ แต่ถ้าต้องการเร่งแซงหรือทำความเร็วก็จะต้องใช้เวลาซักนิดกะระยะเผื่อสักหน่อย อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็ถือว่าพอรับได้ แต่ที่โดดเด่นสำหรับ MG ZS ก็น่าจะเป็นพวกลูกเล่นต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามากับราคาค่าตัวไม่ถึง 8 แสน เรียกว่าออฟชั่นมาครบ จัดเต็มเล่นกันไม่หมด  การขับขี่ใช้งานกันแบบเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อนขับในเมืองได้ เดินทางไกลก็ได้ ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า MG ZS  ก็น่าพอจะเป็นอีกทางเลือกที่ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจไปเกินครึ่ง และถ้าได้ทดลองขับด้วยตัวคุณเองกับราคาและออพชั่นแบบนี้ ไม่น่าจะพลาด

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *