web analytics

ติดต่อเรา

ยนตกรรมสปอร์ตซาลูนหรู รุ่นล่าสุดจากปอร์เช่! (2)

P16_0385_a4_rgbRE (1)ขุมพลังใหม่ พละกำลังสูงขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงยิ่งกว่า

เครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เปี่ยมด้วยพละกำลังและความประหยัดอันยอดเยี่ยม จากปรัชญาการออกแบบเครื่องยนต์ของปอร์เช่ ถ่ายทอดบุคลิกภาพอันปราดเปรื่องลงสู่ขุมพลังเทอร์โบ V6 และ V8 ของ พานาเมร่า (Panamera) จากสำนวนเฉพาะทางที่เหล่าวิศวกรนักพัฒนาเครื่องยนต์ผู้เปี่ยมไปด้วยทักษะความชำนาญมักจะทราบกันดี “with the hot sides inward” มีความหมายถึงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ของปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่นั้น ได้รับการติดตั้งลงบริเวณกึ่งกลางระหว่างเสื้อสูบเครื่องยนต์ทั้ง 2 ฝั่งที่วางตำแหน่งทำมุมรูปตัว V การวางเทอร์โบชาร์จ ในลักษณะดังกล่าว ก่อให้เกิดผลดีหลายประการ นับตั้งแต่ การที่เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัดขึ้น ทำให้สามารถติดตั้งแท่นเครื่องยนต์ในตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าเดิม ส่งผลต่อเนื่องไปยังจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่อยู่ต่ำลงตามไปด้วย สามารถลดระยะห่างของชุดเทอร์โบชาร์จกับห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์

สิ่งที่ตามมาคืออัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมและสั่งการรูปแบบการทำงานของเครื่องยนต์ได้ตามต้องการ โดยผ่านสวิทช์เลือกรูปแบบการขับขี่ หรือ Mode Switch พร้อม Sport Response Button ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ปอร์เช่รุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ด้วยชุดสวิทช์หมุนแบบโรตารี่บนพวงมาลัย ซึ่งมีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกใช้งานได้ถึง 4 รูปแบบ (Normal, Sport, Sport Plus หรือ Individual) บริเวณกึ่งกลาง Mode Switch คือตำแหน่งของ Sport Response Button ซึ่งเพียงกดปุ่มดังกล่าว ขีดสุดแห่งสมรรถนะของปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) จะได้รับการปลดปล่อยออกมา

ในการใช้งานปกติ ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V8 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 4.0 ลิตร สร้างพละกำลังสูงสุดถึงกว่า 550 แรงม้า (404 กิโลวัตต์) ที่รอบเครื่องยนต์ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดมหาศาลสูงสุดถึง 770 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 1,960 ถึง 4,500 รอบต่อนาที แรงม้าเพิ่มขึ้น 30 แรงม้า แรงบิดเพิมขึ้น 70 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม เครื่องยนต์ V8 ใน พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 3.8 วินาที และเมื่อติดตั้งชุดแต่งสปอร์ตโครโน (Sport Chrono Package) สามารถทำได้ในระยะเวลาเพียง 3.6 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

P16_0381_a4_rgbREตัวเลขอันน่าประทับใจนี้มาจากผลอัตราส่วนระหว่างแรงม้าต่อน้ำหนักตัวรถของ พานาเมร่า (Panamera) ที่ 3.6 กิโลกรัมต่อแรงม้า นอกจากสมรรถนะการขับขี่อันเยี่ยมยอดแล้ว ยังส่งผลถึงอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยตัวเลข 10.6 – 10.7 กิโลเมตรต่อลิตร (9.4 – 9.3 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) หรือบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 1.1 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม (ตามมาตรฐาน New European Driving Cycle หรือ NEDC) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ 214 – 212 กรัมต่อกิโลเมตร

ปอร์เช่เลือกใช้ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ complex twin-scroll ในการสร้างแรงดันอากาศป้อนให้แก่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ V8 ด้วยการทำงานของชุดเทอร์โบดังกล่าวส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถสร้างแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่การทำงานในรอบต่ำ นอกจากนี้ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ยังเป็นรถยนต์ปอร์เช่รุ่นแรกที่ได้รับการติดตั้งระบบ adaptive cylinder control ลงในเครื่องยนต์ ในกรณีที่เครื่องยนต์ทำงานในช่วงที่ไม่ต้องการกำลังเต็มที่ ระบบดังกล่าวจะทำหน้าที่ตัดการทำงานของเครื่องยนต์จากทั้งหมด 8 สูบ ให้เหลือเพียง 4 สูบเป็นการชั่วคราว จึงช่วยลดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่จำเป็นลงได้สูงสุดถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการพละกำลังเครื่องยนต์ในขณะที่ตัดการทำงานเหลือเพียง 4 สูบเช่นกัน

ในส่วนของเครื่องยนต์เบนซิน V6 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร ในปอร์เช่ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) ให้กำลังสูงสุดถึง 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) มากกว่ารุ่นเดิม 20 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 5,650 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรและ ที่รอบเครื่องยนต์ 1,750 ถึง 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 30 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม เครื่องยนต์ V6 ใน พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.4 วินาที (เมื่อติดตั้งชุดแต่งสปอร์ตโครโน สามารถทำได้ในระยะเวลาเพียง 4.2 วินาทีเท่านั้น) ความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 289 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราการการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามมาตรฐาน NEDC ทำได้ที่ 12.1 – 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร (8.2 – 8.1 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 186 – 184 กรัมต่อกิโลเมตร) ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลงถึง 1 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตรหรือประหยัดขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) รุ่นที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ V8 ใน พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) เครื่องยนต์ V6 ที่ติดตั้งอยู่ใน พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) นั้น ทำงานด้วยระบบจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้หรือ petrol direct-injection โดยหัวฉีดเชื้อเพลิงทั้งหมดได้รับการวางตำแหน่งลงในห้องเผาไหม้ ด้วยวิธีการดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ถ่ายทอดสมรรถนะและประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด นำมาซึ่งอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ดุดัน เต็มพลัง โดยเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ในรุ่น 4S และ Turbo นั้น ยังคงบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของความกร้าวแกร่ง น่าเกรงขาม ซึ่งพบได้เฉพาะในรถยนต์ปอร์เช่เท่านั้น

หลักการออกแบบของปอร์เช่ – ความล้ำหน้าแห่งอนาคต

ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ ออกแบบงานตกแต่งภายในห้องโดยสารใหม่ทั้งหมด ปรับเปลี่ยนจากปุ่มควบคุมการทำงานในรูปแบบเดิมเป็นระบบสัมผัส touch-sensitive surface พร้อมเสริมประสิทธิภาพการสั่งการด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงติดตั้งภายในห้องโดยสารอย่างสวยงามลงตัว สมกับซาลูนหรูชั้นนำ ระบบควบคุมการทำงานด้วยดิจิตอลดังกล่าว ได้รับการประยุกต์ใช้เป็นครั้งแรกในปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อความทันสมัย สะดวกสบายและง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยนิยาม Porsche Advanced Cockpit สำหรับ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ ตำแหน่งเบาะนั่งที่อยู่ในระดับต่ำสไตล์รถสปอร์ต ไม่เพียงแต่สร้างมุมมองและทัศนวิสัยรอบคันให้แก่ผู้ขับขี่เท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ชุดแผงหน้าปัดแบบหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว อยู่ในระดับสายตาตามหลักสรีรศาสตร์และสามารถอ่านข้อมูลต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย

มาตรวัดดังกล่าวประกอบด้วยเกจ์วัดรอบเครื่องยนต์แบบเข็มสุดคลาสสิค ประกบด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลทั้ง 2 ฝั่ง คอนโซลเกียร์ติดตั้งอยู่ระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ด้วยหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบติดต่อสื่อสารล้ำยุค Porsche Communication Management (PCM) ด้วยแนวคิดในการออกแบบคอนโซลกลางในลักษณะของ black panel concept เพื่อความเรียบหรู กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวสำหรับบรรยากาศภายในห้องโดยสาร ระบบการเปลี่ยนเกียร์แบบ shift-by- wire จึงได้รับการนำมาใช้กับเกียร์อัจฉริยะ PDK แผงควบคุมแบบใหม่สั่งการด้วยระบบสัมผัส touch-sensitive switch มอบประสบการณ์ที่แตกต่างในการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ อย่างง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ผู้โดยสารสามารถปรับได้แม้กระทั่งทิศทางของช่องลมระบบปรับอากาศ ผ่านหน้าจอสัมผัสดังกล่าว ทั้งนี้สามารถสั่งติดตั้งชุดควบคุมระบบปรับอากาศและระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เป็นอุปกรณ์พิเศษได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ คือรถยนต์ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์แห่งความอเนกประสงค์และตอบรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ซาลูนหรูหราในระดับเดียวกัน ด้วยพนักพิงเบาะหลังแบ่งพับได้ในสัดส่วน 40:20:40 (เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถจาก 495 เป็น 1,304 ลิตร) ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและเติมเต็มทุกความต้องการที่ไร้ขีดจำกัดด้วยอุปกรณ์พิเศษที่หลากหลาย อาทิเช่น หลังคาสไลด์ panoramic tilt roof เบาะนวดไฟฟ้า ไฟส่องสว่างเพิ่มบรรยากาศในห้องโดยสาร ambient lighting และ ระบบเครื่องเสียง 3D ไฮเอนด์ จาก Burmester

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *