web analytics

ติดต่อเรา

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย นำการพิมพ์แบบสามมิติมาใช้ในโรงงานการผลิต

หลังจากที่ได้ฉลองการประกอบรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ครบ 100,000 คันไปเมื่อปีที่ผ่านมา โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง ยังคงเดินหน้ายกระดับศักยภาพอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ภายใต้กลยุทธ์ที่มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของทรัพยากรบุคคล พร้อมปูรากฐานอันแข็งแกร่งด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับใช้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการลงทุนเพิ่มในปี 2561 เป็นจำนวนกว่า 816 ล้านบาท ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนรวมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีมูลค่ารวมกว่า 5.47 พันล้านบาท 

การนำนวัตกรรมล้ำยุคอย่าง Additive Manufacturing หรือการพิมพ์แบบสามมิติ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสายการผลิตที่โรงงานแห่งนี้ ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยีเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้นในระดับบุคคล ด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นตามดีไซน์ของลูกค้าจากเครื่องพิมพ์ สามมิติจำนวน 5 เครื่องในสายการผลิต โดยเริ่มต้นจากการประทับชื่อรุ่ ‘OXFORD’ บนบริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้างของรถยนต์มินิ Oxford Edition เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะมาถึงการผลิตกรอบไฟเลี้ยวในดีไซน์พิเศษเฉพาะตัวของเจ้าของรถแต่ละคนในรถยนต์มินิ Ice Blue Edition ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกสี ดีไซน์ และตัวอักษรได้ด้วยตัวเอง เสริมสร้างให้ตัวรถมีเอกลักษณ์แตกต่างมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะมุ่งสานต่อวิสัยทัศน์แห่งความยั่งยืนด้วยการเริ่มต้นเดินหน้าประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery – HVB) ภายใต้ความร่วมมือกับแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก โดยนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 เป็นต้นมา พนักงานของแดร็คเซิลไมเออร์ได้เข้าร่วมการอบรมพิเศษที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในเมืองดิงกอลฟิง ประเทศเยอรมนี เพื่อวางรากฐานเชิงทักษะสำหรับการประกอบแบตเตอรี่ดังกล่าว ก่อนที่จะเริ่มต้นสายการประกอบอย่างเป็นทางการ ณ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ในปีนี้ 

มร. อูเว่ ควาส กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยกับอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมศักยภาพการผลิตของเราให้พร้อมสำหรับทุกแนวโน้มในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มความต้องการยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก หรือศักยภาพในการปรับแต่งรถยนต์แต่ละคันให้สะท้อนถึงตัวตนของผู้ขับขี่อย่างมีสไตล์ ความสำเร็จครั้งนี้ยังถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่โรงงานในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการประกอบรถยนต์ในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในด้านการประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู 530หรือบีเอ็มดับเบิลยู 740Le ทั้งนี้ เรายังได้เริ่มนำนวัตกรรมอื่น ๆ มาเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์และรถยนต์ไร้คนขับ (AMV) เทคโนโลยีสแกนเนอร์ 3 มิติสำหรับวางผังโรงงาน หรือแม้แต่การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาผสานกับสายการประกอบรถยนต์โดยตรง” 

ปัจจุบัน โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดถึง 1รุ่น เช่น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 และล่าสุดกับบีเอ็มดับเบิลยู X3 อันถือเป็นการตอกย้ำศักยภาพในภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของประเทศไทย และสะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดรถยนต์พรีเมียมในระดับภูมิภาค 

ในส่วนของการลงทุนด้านทรัพยากรบุคคล โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โครงการการศึกษาระบบทวิภาคีที่มุ่งเน้นการสร้างเสริมความรู้ความสามารถในด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ (Mechatronics) นั้น ริเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ภายใต้ความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาและวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ เพื่อมอบประสบการณ์จากการฝึกปฏิบัติงานจริงกับช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ โดยหากผ่านการทดลองปฏิบัติงานในระหว่างที่ร่วมโครงการ พวกเขาจะได้รับโอกาสในการเข้าทำงานกับผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ โครงการนี้ถือเป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในอนาคต ซึ่งจะเสริมศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียนต่อไป 

เพื่อสนับสนุนให้นักศึกษาได้เรียนรู้เชิงลึกทางเทคนิคผ่านโอกาสในการสัมผัสนวัตกรรมระดับโลก ทางโครงการได้คัดเลือกนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาและวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ให้ไปทัศนศึกษายังถิ่นกำเนิดของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในประเทศเยอรมนีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม นักศึกษาทุกคนได้ร่วมพูดคุย สัมผัส และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการขนส่ง เช่นรถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ (Automated Guided Vehicle – AGV) กับนักศึกษาวิชาชีพชาวเยอรมัน รวมถึงได้ร่วมทัวร์โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในเมืองเบอร์ลินอีกด้วย 

“ตลอดระยะเวลา 5 เดือนแรกของผมกับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ผมมีความประทับใจในความร่วมแรงร่วมใจของทีมงานทุกฝ่ายที่ได้ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของโรงงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขยายสายการผลิต การเติบโตของยอดการส่งออก และจำนวนผู้มาเยี่ยมชมโรงงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และผมก็มั่นใจว่าปี 2562 นี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของเราในการส่งมอบยนตรกรรมเหนือระดับอันเปี่ยมด้วยคุณภาพ ที่ขับเคลื่อนให้เราสามารถก้าวข้ามทุกขีดจำกัดและยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ทัดเทียมระดับสากล” มร. อูเว่ กล่าวสรุป

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *