กรณ์กวินท์ พีระเดชไพศาล กรรมการบริหาร บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ prop2morrow เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทฯ ได้ให้บริการลูกค้าในด้านเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาด และความเป็นไปได้ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาได้ประมาณ 9 เดือนนั้น นอกจากจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง-ใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว บริษัทฯ ยังพร้อมที่จะเข้าไปร่วมทำงานและให้คำปรึกษากับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายเล็ก (SMEs) หรือผู้ที่เริ่มต้นสนใจในธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ (Start Up) ที่จะหารายได้ และเพิ่มมูลค่าให้กับแอสเสทที่มีอยู่
เพื่อรองรับกับความต้องการดังกล่าวบริษัทได้จัดทำโครงการ “Prop Start Up – Joint Venture” เป็นโครงการบริการที่ปรึกษาด้านการลงทุนครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาความเป็นไปได้ทางการตลาด การเงิน การก่อสร้าง จนกระทั่งหาผู้ซื้อ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถ พบกับทีมงาน prop2morrow ได้ที่ Thailand Investment Fest 2016 วันที่ 5-7 สิงหาคม ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานที่รวบรวมองค์ความรู้การลงทุนที่ดีที่สุดของปี “อย่าให้ความไม่รู้ มาจำกัดความมั่งคั่งของคุณ”
ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า จากนี้ไปจะมีเจ้าของที่ดิน เจ้าของอาคาร รวมถึงเจ้าของบ้านที่อยู่ในทำเลศักยภาพ นำทรัพย์สินดังกล่าวมาทำการรีโนเวทหรือพัฒนาเพื่อสร้างขาย หรือเพิ่มค่าในเชิงธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการปล่อยทิ้งร้างไว้ เพราะอีกไม่นานนโยบายเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็จะมีผลบังคับใช้ หลังจากที่คณะรัฐรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมาโดยคาดว่าน่าจะประกาศใช้ในปี 2560 ซึ่ผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ผู้มีทรัพย์สินใจกลางเมือง ซึ่งราคาประเมินเพิ่มขึ้นทุกปี ภาระทางภาษีก็มากตามขึ้นไปด้วย แต่หากนำเอาทรัพย์สินเหล่านั้นมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆที่เหมาะสมก็จะส่งผลดีต่อเจ้าของได้
“ผมศึกษามาแล้ว ในพื้นที่กรุงเทพชั้นในยังมีที่ดินหรือที่ดินพร้อมอาคาร หรือตึกแถวที่มีขนาดไม่ใหญ่จำนวนมาก ที่เจ้าของไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี จะขายก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครซื้อ ซึ่งเราเห็นช่องว่างและโอกาสที่จะสร้างมูลค่าหรือทำกำไรจากทรัพย์สินดังกล่าว บวกกับเรามีทีมงานที่มีความรู้ กับประสบการณ์ การทำธุรกิจด้านอสังหาฯ เราพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาความเป็นไปได้ทางการตลาด การเงิน การก่อสร้าง จนกระทั่งหาผู้ซื้อ
กรณ์กวินท์ ยังกล่าวด้วยว่า แม้กระแสการขยายตัวของเมืองจะออกสู่พื้นที่รอบนอกหรือพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่มีการพูดถึงและเป็นกระแสที่ค่อนข้างมาแรงก็คือ การพัฒนาเขตเมืองเก่าหรือกระแสการนำอาคารเก่ามาปรับปรุง โดยกระแสนี้จะช่วยสร้างความเจริญ ซึ่งนอกจากจะมีความน่าอยู่อาศัยมากขึ้นแล้ว มูลค่าอสังหาฯ ก็เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นการพัฒนาพื้นที่ให้มีคุณค่ามากขึ้นในเชิงที่อยู่อาศัยและการค้าให้เกิด “อรรถประโยชน์” ที่แท้จริงจะทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
Comments
comments
