web analytics

ติดต่อเรา

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เสริมทัพยนตรกรรมกลุ่มเอสยูวี “GLC 250 d 4MATIC Coupé”

บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถยนต์สปอร์ตเอสยูวีรุ่นล่าสุด “GLC 250 d 4MATIC Coupé” ยนตรกรรมที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยวของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน ตอบโจทย์ความต้องการ พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างลงตัว

untitled-17             untitled-21

โดยรถยนต์รุ่นนี้มีให้เลือกสรรถึง 2 แบบ ได้แก่ GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic ในราคา 4,090,000 บาท และ GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus ในราคา 4,490,000 บาท 

ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์ตระกูลเอสยูวี นับเป็นกลุ่มรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งสำหรับเมอร์เซเดสเบนซ์ รถยนต์กลุ่มนี้มียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยนับตั้งแต่มีการเปิดตัวรถยนต์กลุ่มเอสยูวีเมื่อปี 2011 เมอร์เซเดสเบนซ์ ได้ทำการส่งมอบรถยนต์ในกลุ่มนี้เป็นจำนวนกว่า 4 ล้านคันทั่วโลก รวมถึงล่าสุดในเดือนสิงหาคม ทางบริษัทฯ มียอดขายรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีทั่วโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 56,286 คัน เติบโตขึ้นถึงกว่า 40% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์หรู รวมถึงเพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ที่จะไม่หยุดนิ่งในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เมอร์เซเดสเบนซ์จึงได้นำเสนอยนตรกรรม สปอร์ตเอสยูวีรุ่นล่าสุด อย่าง “GLC 250 d 4MATIC Coupé” สมาชิกลำดับที่ 7 ในกลุ่ม เมอร์เซเดสเบนซ์ตระกูลเอสยูวี ที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของรถยนต์กลุ่มนี้ให้ดูหลากหลาย และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ซึ่งในปัจจุบัน รถยนต์ตระกูลเอสยูวี นับเป็นอีกหนึ่งเซ็กเมนต์สำคัญ นอกเหนือจากกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury และ Dream Car เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างครบครันมากยิ่งขึ้น

ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “GLC 250 d 4MATIC Coupé” ยนตรกรรมที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างลงตัว

โดยรถยนต์รุ่นนี้มีกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทั้งการเดินทางในเมืองและนอกเมืองได้เป็นอย่างดี”

ดีไซน์ภายนอก

ของทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ มีสัญลักษณ์โลโก้เมอร์เซเดสเบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลาง เสริมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic เพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นสายหลังคาและลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้าย ที่เน้นดีไซน์แบบเรียบหรู ล้ำสมัยเสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลังและสง่างามไปพร้อมกัน

untitled-37             untitled-52

untitled-41             untitled-73

ด้านท้ายเพิ่มความแข็งแกร่งดุดันด้วยปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ พร้อมด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง), ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจากAMG แบบ multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว, บันไดข้างสเตนเลสดีไซน์สปอร์ต โดย GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus จะมาพร้อมกับความพิเศษที่เพิ่มขึ้น ด้วยหลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

ดีไซน์ภายใน

The GLC Coupé มาพร้อมจุดเด่นภายในห้องโดยสาร อย่างแดชบอร์ดและคอนโซลกลางที่มีขอบลายเส้นที่ดูไหลลื่น โดยแผงคอนโซลที่มีขนาดใหญ่และถูกออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวนี้ วางทอดตัวยาวจากช่องลมระบบปรับอากาศบริเวณตรงกลางของแผงหน้าปัดลงมาจนถึงพนักวางแขนบริเวณกึ่งกลางระหว่างเบาะที่นั่งของผู้ขับขี่กับผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งเส้นสายบริเวณแผงคอนโซลที่ดูเรียบง่ายแต่เร้าอารมณ์ช่วยให้ห้องโดยสารดูกว้างขวาง เรียบง่าย และล้ำสมัยยิ่งขึ้น

untitled-76             untitled-82

นอกจากนี้ รถยนต์ทั้ง 2 แบบยังมาพร้อมกับพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ เพื่อเสริมความรู้สึกสปอร์ตให้มากขึ้นโดยรถยนต์รุ่นนี้มีอัตราทดการหมุนพวงมาลัย ที่ 15.1 ต่อ 1 (ในขณะที่อัตราทดการหมุนพวงมาลัยของรถยนต์รุ่น GLC นั้นอยู่ที่ 16.1 ต่อ 1) ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และช่วยเสริมความรู้สึกสปอร์ตเมื่อเลือกใช้โหมดของระบบกันสะเทือนแบบ SPORT และ SPORT+, ฟังก์ชัน ECO start/stop, ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ THERMATIC แบบ 2 โซน, เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมบันทึกหน่วยความจำ

โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น รวมถึงระบบมัลติมีเดีย อย่าง ระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad และระบบรองรับการใช้งานระบบนำทาง

โดย GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ตพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า

โครงสร้างตัวถัง

The GLC Coupé มาพร้อมกับมิติของตัวรถที่มีขนาดยาวขึ้น เริ่มจากความยาวที่ 4,732 มม. ยาวกว่า The GLC 76 มม. ความสูงที่ 1,602 มม. สูงน้อยกว่า The GLC 38 มม. และฐานล้อที่ 2,873 มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ The GLC พร้อมด้วยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่กว้างขวางด้วยความจุ 491-1,400 ลิตร

ซึ่งนับเป็นความจุที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์กลุ่มเดียวกัน นอกจากนี้ ขนาดห้องโดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง ความสูงของประตู พื้นที่ว่างเหนือหัวไหล่ พื้นที่ว่างบริเวณข้อศอก และพื้นที่วางขาของรถยนต์รุ่นนี้ ยังคงความกว้างขวางเท่ากับรถยนต์รุ่น The GLC อีกด้วย

รวมถึงการออกแบบให้ชุดถ่ายกำลังสำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เป็นระบบแยกจากระบบเกียร์ รวมไปถึงการผลิตฝาครอบชุดระบบเกียร์ 9G-TRONIC ที่ผลิตจากแมกนีเซียม ยังช่วยให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ลดน้ำหนักตัวรถลงได้ถึง 12 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นอื่นที่มีระบบเดียวกัน

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี

The GLC Coupé มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน

ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist

ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ, ระบบรักษาความเร็ว และจำกัดความเร็ว, เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด, ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ, ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ, ระบบเตือนแรงดันยาง และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง เป็นต้น

นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่รองรับระบบ Dynamic Select ซึ่งมีโหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ Eco ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, Individual ที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, Comfort ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, Sport และ Sport+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น

 

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *