web analytics

ติดต่อเรา

เช็คอินจุดตั้งแคมป์แห่งใหม่กับ Ford Ranger Wildtrak

สำหรับเช้าวันหยุดแล้ว อะไรจะดีไปกว่าการได้ออกไปหาสถานที่พักกาย พักใจ ดื่มกาแฟรสชาติดี ๆ สักแก้ว นั่งชมวิวธรรมชาติ รับลมเย็น ๆ นานแค่ไหนแล้วที่เราเอาแต่เที่ยวทิพย์ ไม่ได้ออกเดินทางไปไหนเลย จนรู้สึกว่าร่างกายอยากออกไปสัมผัสอากาศดี ๆ สูดออกซิเจนให้เต็มปอด แต่ด้วยพิษโควิดทำให้การเดินทางออกไปพักผ่อนเปลี่ยนไป สถานที่ที่พอจะหลบผู้คนได้ ก็เห็นจะมีแต่ที่นี่แหละ “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” แล้วจะรอช้าอยู่ทำไม สตาร์ทรถไปกันสิ…

โดยในครั้งนี้ เรามากับเพื่อนคู่ใจสายลุย Ford Ranger Double Cab 2.0L Turbo Wildtrak 4×2 Hi-Rider 10 AT รถกระบะยกสูง 4 ประตู รุ่นปรับโฉม ให้ดู หล่อ เข้ม ดุดันขึ้น ด้วยเครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ แบบดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 180 แรงม้า มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งอย่างเท่ อย่างไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อม Daytime Running แบบ LED และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ที่มาคู่กับไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ กระจังหน้าที่มีตะแกรงสีดำตัดขอบด้วยสีส้ม Saber มีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น

และยังเสริมหล่อขึ้นด้วยสีดำบริเวณ มือเปิดประตู กรอบกระจกมองข้าง ช่องลมข้างบังโคลน  ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ราวหลังคา สปอร์ตบาร์ กันชนหลัง ฝาท้ายผ่อนแรงแบบ Easy Lift และที่ช่วยให้รถดูเท่ขึ้นกว่าใครขาดไม่ได้คือ ฝาปิดกระบะท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า (Power Roller Shutter)

ออกเดินทางจากรุงเทพฯ ช่วงเวลาประมาณ 9 โมงเช้า แดดกำลังดี และไม่ต้องกลัวร้อนเลยเพราะ Ford Ranger Double Cab 2.0L Turbo Wildtrak คันนี้  มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา เย็นฉ่ำ ใครอยากได้ความเย็นขนาดไหนเลือกปรับได้ตามความต้องการ แถมยังเปิดเพลงฟังเพราะ ๆ ด้วยสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ตลอดการเดินทางจากระบบเครื่องเสียงที่สั่งงานด้วยเสียง SYNC™3 รองรับภาษาไทย  บนจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว สามารถต่อเชื่อมบลูทูธได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

เราใช้เส้นทางไปยัง “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” โดยมุ่งไปตามถนนวิภาวดีรังสิต วิ่งยาว ๆ ไปเข้าสู่จังหวัดสระบุรี ถึงแม้จะต้องนั่งอยู่บนรถเป็นขั่วโมงในเรื่องของความเมื่อยแทบจะลืมกันไปเลย ด้วยเบาะนั่งหนังดีไซน์ใหม่ ตัดด้วยแถบสีส้ม การตกแต่งภายในในแบบเฉพาะของ wildtrak ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยหรือหัวเกียร์ และยังมีคอนโซลทำความเย็นเอาไว้แช่น้ำดื่มด้วยนะ เราใช้เวลาเดินทางแบบชิว ๆ ไม่รีบร้อนเกือบ 2 ชั่วโมง ก็ถึงจุดหมายปลายทางที่เราปักหมุดกันไว้

จะว่าไปแล้วการเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เคยเดินทางมายัง “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” ด้วยการนั่งรถไฟลอยน้ำ เป็นรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษ แบบไปเช้า-เย็นกลับ ที่ขบวนรถไฟจะวิ่งตัดเข้าไปกลางเขื่อน เห็นวิวของเขื่อนกว้างสุดลูกหูลูกตา 2 ข้างเต็มไปด้วยผืนน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนรถไฟลอยอยู่กลางน้ำ และยังจอดให้ลงไปถ่ายรูปได้อีกด้วย เรียกว่าเป็น 1 ในสถานที่ Unseen ของไทยเลยล่ะ

โดยในช่วงนี้เป็นช่วงที่น้ำลดลงเป็นอย่างมาก เราจึงเดินทางมาเที่ยวกันแบบ Off –Road  จากเคยอยู่บนสะพานเปลี่ยนมาอยู่ด้านล่างเขื่อนกันบ้าง ซึ่ง “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ถึง 2 จังหวัด คือ ลพบุรีและสระบุรี นั่นเอง บรรยากาศรอบเขื่อนมีลมพัดเย็นสบาย เหมาะกับการพักผ่อน ชมวิวธรรมชาติอันงดงาม สูดอากาศบริสุทธิ์ ที่นี่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ และยังมีจุดสำหรับกางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ซึ่งอยู่บริเวณริมเขื่อนนั่นเอง น่าเสียดายที่สถานการณ์โควิดไม่เอื้ออำนวย เราจึงเลือกที่จะเดินทางมาเที่ยวแบบไม่พักค้างคืน

ขับรถเล่นกันอยู่สักพัก เราก็เหลือบไปเห็นร้านกาแฟเล็ก ๆ สุดคูลแนววินเทจแบบตะวันตกตั้งอยู่กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รอคอยกาแฟสายธรรมชาติมาเยี่ยมเยือน ชื่อว่า “Coffee Location” เสิร์ฟกาแฟดริปแบบ Slow Bar ที่เราชื่นชอบ

ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่มีการเลือกใช้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง บดอย่างละเอียดแล้วนำไปชงต่อด้วย Moka Pot ส่งกลิ่นหอมหวนเตะจมูกผู้ที่ผ่านไปมาให้แวะเข้ามาจิบกาแฟรสชาติคุณภาพที่ดีเกินราคาพร้อมเสพบรรยากาศแบบฟิน ๆ สำหรับคอกาแฟแล้วอยากให้ลิ้มชิมรส “เอสเปรสโซ อเมริกาโน่” อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ หรือถ้าใครชอบกาแฟที่มีความหอมหวาน ขอแนะนำ “อเมริกาโน่ส้มยูสุ” ที่มีน้ำส้มคั้นอยู่ด้านล่างและเติมแต่งด้วยอเมริกาโน่หอมเข้มข้นด้านบน ใครที่เดินทางมาเที่ยวหรือกางเต็นท์พักผ่อนที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ บอกเลย…ห้ามพลาดร้านนี้ทีเดียว

หลังจากร่างกายสูบฉีดคาเฟอีนเรียบร้อยแล้ว ก็ขอขับไปชมวิวที่อยู่ด้านล่างสักหน่อย.. โชคดีที่มากับ Ford Ranger Wildtrak คันนี้ ด้วยระบบความปลอดภัยของตัวรถ ต่อให้ทางลงจะชันจะยากมากแค่ไหน ก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปซะหมด ด้วยระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) รวมถึงระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ของตัวรถ ไม่ว่าจะหลุมลึกหรือเส้นทางขรุขระมากขนาดไหนก็เอาชนะได้ทุกทาง

ต้องบอกว่าคุ้มมาก ๆ กับการขับลงมาด้านล่าง ด้วยภาพวิวที่อยู่ข้างหน้า สีฟ้าของท้องฟ้าที่ขนานกับสีเขียวจากหญ้าและต้นไม้ ช่วยในการผ่อนคลายได้ดีจริง ๆ โชคดีมากที่วันนี้ฟ้าเปิด ทำให้เห็นกลุ่มเมฆเรียงรายกันอย่างหนาแน่น ถ้าแดดร่มลมตกกว่านี้ โดยเฉพาะตอนเย็น ๆ เหมาะแก่การปูผ้านั่งปิกนิก หรือจะกางเก้าอี้สนามตั้งเป็นแคมป์เล็ก ๆ จะฟินกว่านี้มาก

ขับเลยตรงมาอีกนิดจะเจอสะพานรางรถไฟทอดยาวผ่านผืนหญ้าแห่งนี้ อดใจไม่ไหว ขอเก็บภาพรถคู่ใจกับสถานที่ดี ๆ ไว้สักนิด

ด้านบนรางรถไฟสามารถขึ้นมาถ่ายภาพได้อีกด้วย แต่แอบเหนื่อยนิดนึงนะเพราะต้องปีนจากด้านล่างขึ้นไป มีรางรถไฟเป็นเส้นนำสายตาไปสู่ภาพภูเขาลาง ๆ ที่อยู่ไกลออกไป ทำให้จุดนี้เป็นจุดไฮไลท์ของที่นี่เลยล่ะ

เก็บภาพได้อย่างจุใจแล้ว ก่อนจะกลับขอแวะจอดนั่งดูเหล่าแก๊งค์วัวที่ออกมาเดินเล่นกันสักหน่อย

หลังจากเหี่ยวเฉามานาน วันนี้เหมือนได้ชาร์จแบตแบบเต็ม ๆ ล้น ๆ เลย.. สวย สดชื่น คุ้มค่า แถมไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก และที่สำคัญที่สุดในการเดินสิ่งทางที่ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ คือเพื่อนร่วมทางที่ดี.. ต้องขอขอบคุณ Ford Ranger ที่มาช่วยให้การเดินทางครั้งนี้สนุกยิ่งขึ้น สำหรับใครที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ ตามพิกัดนี้ไปได้เลย  >>> https://goo.gl/maps/sNHfhDGJBXemp7h6A <<<

 

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *