web analytics

ติดต่อเรา

อย่าเรียกตัวเองว่า ‘สายเนื้อ’ หากยังไม่ได้ลองสิ่งนี้

อาหารไทยได้ชื่อว่าเป็นเมนูที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และมีเมนูที่หลากหลาย โดยที่เมนูประเภทเนื้อวัวก็เป็นหนึ่งในประเภทอาหารที่ได้รับความนิยมมากไม่แพ้เมนูอื่น ๆ เลย ซึ่งในบทความนี้เราอยากจะแนะนำเมนูเนื้อที่ปัจจุบันหาทานได้ค่อนข้างยาก และแม้แต่หาคนที่ทำได้ก็ยากไม่แพ้กัน ซึ่งหลายเมนูก็มีเรื่องราวและที่มาที่ไปน่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งหากคุณบอกว่าตัวเองนั้นเป็นคนรักเนื้อ เราขอท้าให้คุณพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าเคยผ่านเมนูเนื้อเหล่านี้มาบ้างหรือยัง? แต่ถ้ายัง…ก็อย่าเพิ่งเรียกตัวเองว่า “สายเนื้อ” ที่แท้ทรู

 

แกงรัญจวนเนื้อ

หนึ่งในตำรับชาววังที่มีชื่อแสนจะไพเราะ แล้วยังมีที่มาที่น่าสนใจอีกด้วย โดยเปิดเผยผ่านบทประพันธ์เรื่อง “ชีวิตในวัง” ของ หม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ ท่านได้เล่าไว้ว่า ที่มาของแกงชื่อเพราะนี้ ผู้คิดค้นได้แก่ “หม่อมเจ้าหญิงแย้มเยื้อน สิงหรา”  เป็นผู้สร้างสรรค์เมนูนี้ขึ้นที่ห้องเครื่องวังสวนสุนันทา โดยเล็งเห็นคุณค่าของอาหารไม่ทานทิ้งทานขว้าง แต่สามารถนำกลับมารังสรรค์ได้ใหม่อีก โดยนำเนื้อวัวจากแกงที่มีอยู่แล้วนำมาเคี่ยวใหม่ แล้วเติมด้วยการตำน้ำพริกกะปิละลายใส่ลงไป เพื่อสร้างรสชาติใหม่ให้มีทั้งเผ็ดเปรี้ยวเค็มหวาน ครบรส เติมกลิ่นหอมด้วยใบโหระพา เพียงเท่านี้แกงใหม่ก็บังเกิดขึ้น พร้อมกับความอร่อยที่หม่อมหลวงเนื่องบรรยายว่า “กินแล้วก็หวนหา ต้องกลับมาทำกินใหม่”  ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแกงรัญจวนนั่นเอง

(แหล่งอ้างอิง :  https://www.matichon.co.th/prachachuen/daily-column/news_1052271)
(ขอบคุณภาพจาก Amarintv.com https://www.amarintv.com/news/detail/13469)

 

ต้มแซ่บเนื้อโคขุน

ต้มแซ่บโคขุนเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากในภาคอีสาน เน้นรสชาติแซ่บจัดจ้านถึงเครื่อง ทำให้กลายเป็นเมนูยอดนิยมไปทั่วทุกภูมิภาคไม่เฉพาะแค่อีสานเท่านั้น แม้การทำต้มแซ่บจะไม่มีสูตรตายตัว แต่จะทำให้ได้รสชาติอร่อยแซ่บถึงใจก็ไม่ง่าย เพราะมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนและต้องใช้วัตถุดิบชั้นดีถึงจะทำได้ต้มแซ่บอร่อยแซ่บซี้ดถึงใจได้ ซึ่งปัจจุบันพบว่าร้านอาหารหลายร้านในห้างสรรพสินค้า เลือกที่จะนำเมนูนี้มาเป็นหนึ่งในจุดชายของร้าน เนื่องจากเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมาก ดั่งเช่นร้าน “โภชา” ที่จัดเมนู “ต้มแซ่บเนื้อโคขุนในตำนาน” มาเป็นเมนูพิเศษ โดยใช้เนื้อซี่โครงคุณภาพดี ตุ๋นนานกว่า 4 ชั่วโมง จนได้ซุปเข้ากับเนื้อ อีกทั้งเนื้อยังนุ่มละลาย แถมยังมีทั้งมันและเอ็นแทรก ทำให้เวลาทานได้ทั้งความนุ่มลิ้นและความกรุบเด้ง ผสานความเผ็ดแซ่บของเครื่องสมุนไพรไทย ไม่ว่าจะเป็น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ที่เสมือนเป็นยาบำรุงชั้นดี ช่วยเจริญอาหาร ขับลม บำรุงเลือด แล้วยังมีผักชีฝรั่งช่วยแก้ท้องอืดด้วย ยิ่งเวลาที่แฮงก์มาจากปาร์ตี้หนักๆ ช่วยเรียกสติแถมยังช่วยดับกลิ่นปากได้ดีทีเดียว ใครที่ยังไม่เคยก็ลองไปดูนะ ร้านโภชาอยู่ชั้น 6 เดอะมอลล์งามวงศ์วาน แต่ต้องรีบไปนะเพราะเมนูนี้มีถึงแค่วันที่ 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น

(แหล่งอ้างอิง : Facebook Pocha RestaurantsFP)

 

ต้มจิ๋วเนื้อ

อีกหนึ่งเมนูตำรับในวังที่น่าสนใจ แต่อาจจะมีที่มาที่ไปค่อนข้างสับสน แต่ที่เห็นพูดถึงกันมากที่สุดก็คือการอ้างว่า ผู้คิดค้นได้แก่ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๕ ที่ทรงสนพระทัยในการประกอบอาหาร ทำเครื่องเสวยถวายสมเด็จพระบรมราชชนกทั้งในยามทรงประชวรและทรงพระสำราญ โดยเครื่องปรุงที่ทรงเลือกมีคุณค่าทางอาหารและเป็นยาในตัว และกลายเป็นหนึ่งในเมนู ที่รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดปรานมาก แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เครื่องปรุงหรือวัตถุดิบก็อาจจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นหรือตามความชอบชองคนปรุงแต่ละคน อย่างไรก็ตาม หลักๆ ของต้มจิ๋วเนื้อ ก็คือ การต้มเนื้อสันในวัวที่มีรสจัด พร้อมกับวัตถุดิบหลัก ได้แก่ มันเทศ น้ำมะขามเปียก ใบโหระพา ใบกะเพรา และปรุงรสจัดจ้านทั้งพริกและมะนาวตามชอบใจ ซึ่งบางสูตรก็แตกต่างไปเล็กน้อย บ้างก็ใส่ตะไตร้ ใบมะกรูด แง่งขมิ้นชัน ก็มี แต่สุดท้ายแล้ว “ต้มจิ๋วเนื้อ” ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนรักเนื้อต้องไปหามาลองให้ได้

(แหล่งอ้างอิง : https://www.silpa-mag.com/from-the-fingertip/article_5462 )
(ขอบคุณภาพจาก Facebook MallikaR.E.124)

 

เนื้อเค็มต้มกะทิ

อีกหนึ่งเมนูสำรับชาววัง ซึ่งปัจจุบันหาทานได้ยาก โดยเจ้าของสูตรได้แก่ หม่อมเรณี กาญจนมงคล ซึ่งเป็นชายามหาอำมาตย์ตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส พระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทายาทที่ได้รับการถ่ายทอดสูตรต้นตำรับ ได้แก่ คุณณัฐสุวีร์ กาญจนมงคล หลานสาวแท้ๆ ของหม่อมเรณี เคล็ดลับในการทำคือ การเลือกเนื้อเค็มคุณภาพดี และต้องเคี่ยวให้นานจนเปื่อย ที่สำคัญคือต้องใส่หอมแดงตบท้ายเยอะๆ เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติให้หอมกลมกล่อมยิ่งขึ้น หรือบางท่านอาจจะสลับเป็นหมูเค็มก็ใช้แทนกันได้เช่นกัน นอกจากนี้ ในเรื่องรสชาติคาดเดากันว่าเนื้อเค็มต้มกะทิต้นตำรับ ที่มีการใส่กะทิลงไปเพราะว่าอยากให้มีความครีมมี่แบบตะวันตก เนื่องจาก หม่อมเรณี เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน ดังนั้น รสชาติจึงออกไปทางลูกผสมระหว่างอีสต์และเวสต์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้แต่อาหารไทยโบราณ ก็ยังสะท้อนให้ถึงวัฒนธรรมความหลากหลายของไทยในอดีตได้เป็นอย่างดีด้วย

(แหล่งอ้างอิง :  https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/recipefood/1120347)
(ขอบคุณภาพจาก https://www.baanlaesuan.com/54636/diy/diy101/thai-food)

 

แกงระแวงเนื้อ

แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้ว! เป็นหนึ่งในแกงโบราณหาทานได้ยากอีกเช่นกัน นิยมทานทางภาคใต้ของไทย โดยว่ากันว่าแกงระแวงได้รับอิทธิพลมาจากอาหารพื้นบ้านของชวา หรือประเทศอินโดนีเซีย โดยมีลักษณะที่คล้ายกับแกงทางภาคใต้ที่มักจะใส่ขมิ้นลงไป ที่น่าสนใจคือ ว่ากันว่าแกงระแวงคือคู่แฝดของ “แกงพะแนง” เพราะมีความคล้ายคลึงกันมาก ต่างกันตรงที่แกงระแวงจะใช้พริกแกงจากแกงเขียวหวานและใส่ขมิ้นกับตะไคร้ลงไป ทำให้สีออกไปทางเหลืองและรสชาติเผ็ดร้อนกว่า หรือนี่อาจจะเป็นที่มาของชื่อเมนูแปลกๆ ที่ ระแวงว่าจะเป็นพะแนงดี? หรือว่าเป็นแกงเขียวหวานดีน้า?

(แหล่งอ้างอิง : http://www.soochivit.com/2019/07/262/  https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/recipefood/1355098)
(ขอบคุณภาพจาก เฮียวอนชิม http://www.helwanchem.com/2020/01/09/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%87/)

 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเมนูเนื้อทั้งแบบสูตรโบราณตำรับชาววังและสูตรอร่อยหาทานยาก ซึ่งแต่ละเมนูก็โดดเด่นแตกต่างกันออกไปไป ทำให้เราทึ่งและภูมิใจในเมนูอาหารไทยของเราเป็นอย่างมาก หลายเมนูเชื่อว่าบางท่านอาจจะยังไม่เคยลองทาน หรือหากมีท่านไหนที่เคยลองทานมาแล้วหมดครบทุกเมนู ถ้าเช่นนั้นเราคงต้องยกนิ้วให้ และสถาปนาเป็น “สายเนื้อ” ตัวจริงเสียงจริงกันเลย

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *