web analytics

ติดต่อเรา

“Forester 2.0 i-S EyeSight” มันเจ๋งดีนะ !!

เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสไปทดสอบระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ EyeSight ของรถยนต์ Subaru Forester โดยเจ้า EyeSight ที่ว่านี้ถูกใส่เพิ่มเข้าไปในรุ่น 2.0 i-S พร้อมทั้งขยับชื่อรุ่นขึ้นมาเป็น The All-New Forester 2.0 i-S EyeSight ในราคา 1,450,000 บาท เพิ่มจากราคาเดิมขึ้นมาอีก 7 หมื่น ถามว่าคุ้มค่ามั้ย??? ในส่วนตัวแล้วนับว่าน่าสนใจทีเดียว

New Forester ที่มีระบบ EyeSight มีจุดเด่นยังไง?? เงิน 7 หมื่นที่จ่ายเพิ่มเข้าไปได้อะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง ก็ต้องตอบตรง ๆ ว่าได้มา 3 อย่างหลักคือ กล้อง Eyesight, Side View Monitor และ Rear Vehicle Detection ส่วนในเรื่องของเครื่องยนต์ เกียร์ ระบบส่งกำลังต่าง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นตัวเดียวกับ Subaru Forester 2.0 i-S จะมีแตกต่างบ้างนิดหน่อย อาทิ ล้อจาก 17 นิ้ว เป็น 18 นิ้ว,  X Mode มีเพิ่มเป็น 2 ฟังก์ชั่น รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่ง และ Gadget อื่น ๆ ในรถ

แล้ว EyeSight ที่ว่านี้คืออะไร?? ซูบารุ ได้ดีไซน์การทำงานของระบบเสริมความปลอดภัยขึ้นด้วยกล้องสเตอริโอ 2 ตัว โดยเรียกว่า “EyeSight” ซึ่งเปรียบเสมือนการทำงานของดวงตาคนเรา การทำงานมีลักษณะใกล้เคียงกับสายตาของมนุษย์ จับเป็นภาพสีสามมิติ ช่วยให้การประเมินผล ประมวลผล แยกแยะวัตถุ คน ได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งระบบ EyeSight ของรถยนต์ซูบารุทั่วโลกมีจำหน่ายมากกว่า 1 ล้านคัน โดยรถยนต์ที่ติดตั้ง Eyesight มีโอกาสหรืออัตราส่วนของการเกิดอุบัติเหตุลดลงมากว่า 60%

EyeSight จะเริ่มทำงานหลังจากที่เรากดปุ่มสตาร์ท ใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมการทำงาน 7 วินาที ซึ่งกล้องทั้ง 2 ตัวจะทำหน้าที่ทุกอย่างของระบบ ติดตั้งอยู่บริเวณด้านบนหลังกระจกกลางในห้องผู้โดยสาร มีปุ่มเปิด-ปิดการทำงานในบางกรณีที่เราไม่ต้องการ กล้องคู่นี้ถูกใช้ในการทำงานของระบบช่วยขับหรือ EyeSight Driver Assist ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเหลือการเบรก (Pre-Collusion Braking System) ระบบ Lane Sway และ Lane Departure Warning เมื่อเราขับรถออกนอกเส้นทางโดยไม่ตั้งใจ และยังควบคุมระบบ Adaptive Cruise Control, Blind Spot Detection รวมถึงสัญญาณเตือนต่าง ๆ ด้วย

ทีนี้มาดูทีละอันว่าแต่ละระบบทำงานยังไง?? เริ่มจากระบบช่วยเหลือการเบรก (Pre-Collusion Braking System) ระบบนี้จะช่วยลดอุบัติเหตุความรุนแรงต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรถเราวิ่งมาด้วยความเร็วและพบวัตถุอยู่ด้านหน้าในระยะที่อาจจะเกิดการชนระบบจะเตือนด้วยเสียงก่อน จากนั้นจะลดความเร็วลง แต่ถ้ายังไม่ได้รับการเบรกอีก ระบบจะเบรกอัตโนมัติจนรถหยุดสนิท โดยไฟเบรกด้านหลังจะติดทันทีที่ระบบเบรกทำงาน ด้วยความที่เป็นกล้องทำให้สามารถ Detect รถยนต์ จักรยาน มอเตอร์ไซค์ คนเดินถนน เส้นแบ่งเลน รวมถึงไฟเบรกของรถคันหน้ามาช่วยร่วมประมวลผล ซึ่งทั้งหมดนี้คือระบบเสริมความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และลดโอกาสความรุนแรง แต่ถ้าเราไม่ต้องการใช้ระบบนี้ก็สามารถกดปิดการทำงานได้โดยกดปุ่มค้างไว้ 2 วินาที

ระบบต่อมาคือ Lane Sway และ Lane Departure Warning หลายท่านอาจจะเข้าใจว่า Lane Sway กับ Lane Departure มันก็เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วมันต่างกันนะ ในกรณีที่เราขับรถแล้วรถเอียงออกนอกเส้นแบ่งถนน เราเรียกว่า Lane Departure ส่วนคำว่า Lane Sway คือรถมีลักษณะส่ายไปมา ซ้าย-ขวา-ซ้าย ซึ่งถ้าเกิดลักษณะนี้ขึ้น ระบบ EyeSight จะเตือนด้วยเสียงและสัญญาณ ให้ผู้ขับขี่กลับมามีสติอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นระบบช่วยเตือนและลดการเกิดเหตุได้อีกขั้น

อีก 1 ไฮไลท์ของรถรุ่นนี้คือ Adaptive Cruise Control ระบบปรับความเร็วอัตโนมัติ มาพร้อมระบบ Stay-stopped Function สามารถหยุดและเคลื่อนรถตามคันหน้าได้ด้วยการกดปุ่ม RES ที่พวงมาลัยหรือแตะคันเร่ง ทำงานร่วมกับระบบ Lead Vehicle Start Alert ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ช่วยอำนวยความสะดวกและลดการเกิดเหตุ ในเวลาที่ขับรถทางไกลและต้องการความสะดวกสบาย ก็สามารถ Set Adaptive Cruise Control ช่วยในการขับขี่ได้ และยังช่วยลดข้อผิดพลาดในการเกิดอุบัติเหตุเพราะสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าได้อัตโนมัติ สมมติว่าระบบกำลังจับรถคันหน้าอยู่ จู่ ๆ มีรถเข้าแทรก ระบบชะลอความเร็วตัดตามรถคันข้างหน้า และที่สำคัญคือ ระบบจะจับคันข้างหน้าจนความเร็วคันข้างหน้าหยุดนิ่ง และเมื่อคันข้างหน้าเคลื่อนตัวออกไป รถของเราก็จะออกตัวตามต่อด้วย ซึ่งระบบนี้สามารถเลือกปรับความเร็ว และระยะห่างของแต่ละคันได้ ข้อดีคือ Adaptive Cruise Control เป็นการทำงานของกล้อง 2 ตัว ที่จะป้องกันวัตถุที่อยู่ด้านหน้า จะช่วยเบรกและเว้นระยะห่างให้อย่างเหมาะสม ในกรณีที่มีรถตัดแทรกตรงกลาง ระยะห่างจะยืดออกไปให้ใหม่โดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ระบบ EyeSight ยังคลอบคลุมการตัดกำลังเครื่องยนต์ ในกรณีที่ไม่ตั้งใจจะเหยียบคันเร่งแล้วเกิดเหยียบลงไป เพื่อลดโอกาสในการเกิดเหตุ ระบบจะหน่วงการออกตัวเอาไว้ 3 วินาที ให้เรามีสติในการย้อนกลับมาเบรกด้วยตนเอง แต่ถ้าเรายังยืนยันว่าจะไปเหยียบเกิน 3 วินาที รถจะเคลื่อนตัวออกไปตามคันเร่งที่เรากด

Blind Spot Detection ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา โดยจะตรวจจับสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของจุดอับสายตาว่ามีสิ่งกีดขวางหรือรถยนต์ที่อยู่เลนข้าง ๆ หรือไม่ เมื่อเจอสิ่งกีดขวางหรือรถยนต์ก็จะส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้ขับขี่

หลังจากเรียนรู้ระบบการทำงานแล้ว ทีมงาน BENEWSONLINE.COM ยังได้มีโอกาสทดสอบการทำงานจริงของเทคโนโลยีความปลอดภัย EyeSight เริ่มจากการสาธิตการทำงานของ Adaptive Cruise Control โดยทดสอบกับคนจริง ๆ ให้คนเดินอยู่ด้านหน้า เมื่อคนหยุดเดินรถจะหยุดด้วยทันที โดยไม่มีการแตะเบรกแต่อย่างใด เมื่อคนวิ่งรถจะออกตัวตามความเร็วทันที โดยไม่มีการเหยียบคันเร่งเช่นกัน และหยุดสนิททันทีเมื่อคนหยุดอยู่กับที่

จากนั้นก็เข้าสู่การทดสอบบนสนามจริง ให้ดูการจับวัตถุข้างหน้าของกล้องในขณะรถเคลื่อนตัว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เมื่อรถเข้าโค้งเป็นตัว S ก็มีโอกาสหลุดโฟกัสจากรถคันหน้าได้เช่นกัน ที่ไฮไลท์สุดคือ การขับเข้าชนป้ายที่ตั้งไว้เพื่อทดสอบการทำงานของระบบเมื่อรถวิ่งเข้าใกล้วัตถุด้วยความเร็วและเข้าสู่ระยะที่จะเกิดการชน ระบบจะเบรกให้ทันทีโดยที่ไม่ได้แตะเบรกแต่อย่างใด ถือว่าระบบนี้ช่วยเสริมความปลอดภัยและช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ดีในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

ในส่วนของการทดสอบสมรรถนะของรถการออกตัวก็รวดเร็วทันใจ เริ่มจากสถานีดูดซับแรงสั่นสะเทือนด้วยความเร็ว 30 กม./ชม. โดยไม่ต้องจับพวงมาลับแค่ประคองเอาไว้ จะเห็นว่าพวงมาลัยไม่มีการแกว่งและแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก ต่อด้วยการทดสอบ ABS ด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. ด้วยการกระทืบเบรกเต็มแรงเมื่อถึงจุดที่กำหนด เรียกว่าเบรกหัวทิ่มหัวตำ แต่รถก็หยุดสนิทไม่ออกอาการแต่อย่างใด

มาถึงสถานี Wet Skid Pad ที่ราดน้ำไว้ ต้องวนรถ 2 รอบ ด้วยความเร็ว 30-40 กม./ชม. รถก็ยังควบคุมอยู่ไม่มีอาการโยนตัวมากนัก ปิดท้ายกันด้วยสถานีสลาลอม หักหลบสิ่งกีดขวาง รถโยกซ้าย-ขวาได้ดี สามารถรักษาการทรงตัวได้ดี ไม่เสียการควบคุมมากนัก

สรุปจุดเด่น ๆ ของ EyeSight คือ 1.มี Duo Stereo Camera คือกล้องคู่ 2.ระบบช่วยเบรกเริ่มต้นที่ความเร็ว 1 กิโลเมตร/ขั่วโมง และทำงานในความเร็วสัมพัทธ์ถึง 50 กิโลเมตร ความแตกต่างระหว่างวัตถุด้านหน้ากับตัวเราสามารถทำงานได้ในช่วงที่กว้างมาก ซึ่งเป็นระบบเสริมความปลอดภัยที่ต่ำที่สุดที่จะทำได้ 3. Adaptive Cruise Control ของซูบารุ เริ่มต้นได้ตั้งแต่ 0 รถจอดอยู่สามารถ Set ได้เลย ว่าต้องการให้ความเร็วอยู่ที่เท่าไหร่ รถคันข้างหน้าชะลอ ชะลอด้วย รถคันข้างหน้าเบรก เบรกด้วย เบรกสนิท สนิทด้วย แต่จะมีเงื่อนไขการทำงานอยู่นิดหนึ่ง เช่น เวลาที่เรารถติดอยู่บนทางด่วน รถจะขยับ ๆ หยุด แล้วไป แล้วหยุด รถจะเคลื่อนตัวให้เองอัตโนมัติ แต่ถ้ารถหยุดเลยเกิน 3 วินาที ระบบเตรียมทำงานให้แต่จะมีปุ่ม Hold ขึ้นมา คล้ายดึงเบรกมืออัตโนมัติอยู่ พอรถคันหน้าเคลื่อนตัว ระบบก็จะเตือน เราก็แค่แตะคันเร่งหรือกด RES รถก็จะตามคันหน้าไปต่อ ซึ่งต้องบอกเลยว่าระบบ EyeSight ของซูบารุ สามารถทำงานได้ Advanced คลอบคลุมทุกฟังก์ชั่น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างคือกล้องจะสามารถตรวจจับวัตถุที่มีความสูง 1 เมตรขึ้นไป ในที่ที่มีแสงสว่างและทัศนวิสัยที่ดีพอ เหมือนสายตาคนเรานี่แหละ เพียงแต่จะตรวจจับได้ไกลกว่า ไวกว่า และระบบจะทำงานให้อัตโนมัติได้เร็วกว่า รวมถึงการจราจร สภาพภูมิอากาศ หรือถนนที่คดเคี้ยว เลี้ยวไปเลี้ยวมา ส่งผลต่อการทำงานของระบบด้วยเช่นกัน ซึ่ง EyeSight เป็นระบบเติมเต็มเสริมความปลอดภัย ช่วยป้องกันและลดการเกิดเหตุ โดยผู้ขับขี่เองก็ยังคงต้องมีความระมัดระวังด้วยเช่นกัน

ขอขอบคุณ : บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด

BY : B. VARAPORN

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *