web analytics

ติดต่อเรา

มิตรผลร่วมปลดล็อคการศึกษา เดินหน้าต้นแบบโรงเรียนร่วมพัฒนา เสริมทักษะชีวิต สร้างเยาวชนแห่งศตวรรษที่ 21

ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษาให้เด็กไทยมีอนาคตที่สามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลง เป็นคนไทย 4.0 ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศชาติให้สามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้ การให้อิสระแก่ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานศึกษาอย่างจริงจัง ตั้งแต่การปรับหลักสูตรเพื่อเตรียมทักษะและอาชีพที่สอดคล้องกับชุมชน การปรับเปลี่ยนแนวทางการสอนที่เน้นเรียนจากสถานที่จริงและประสบการณ์จริง จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการโรงเรียน สร้างความเชื่อมโยงกับชุมชนอย่างแท้จริง เพิ่มโอกาสในการพัฒนาอย่างทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างเต็มที่จะเป็นการวางรากฐานให้คนรุ่นใหม่มีคุณภาพและศักยภาพในการพัฒนาประเทศชาติให้แข็งแกร่งทัดเทียมนานาชาติ”

ในฐานะภาคเอกชนที่ร่วมขับเคลื่อนโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ปัจจุบัน กลุ่มมิตรผล ร่วมสนับสนุนโรงเรียนจำนวน 6 แห่ง ใน 4 จังหวัด ผ่านการเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียน พร้อมจัดหาผู้เชี่ยวชาญทั้งภาคการศึกษาและภาคธุรกิจเข้ามาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนสนับสนุนด้านการพัฒนาบุคลากรครู เทคโนโลยี และอุปกรณ์การเรียนการสอน เพื่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และขับเคลื่อนสถานศึกษาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาทักษะและคุณภาพชีวิตของทุกคนในชุมชน

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “ภายใต้หลักปรัชญา ‘ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ’ กลุ่มมิตรผล มุ่งพัฒนาและสร้างความยั่งยืนให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เรามุ่งหวังที่จะทำงานร่วมกับภาครัฐ ชุมชน โรงเรียน และผู้ปกครอง ในการบริหารจัดการและร่วมพัฒนาสถานศึกษา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ตลอดชีวิตของทุกคนในชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสให้ลูกหลานในท้องถิ่นได้เข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ สอดคล้องและตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจและอุตสาหกรรมในชุมชนนั้น ตลอดจนเป็นสถานบ่มเพาะทักษะที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชนมีอาชีพและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในอนาคต”

ด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าว กลุ่มมิตรผลจึงนำแนวทางการเรียนการสอนแบบ Mitr Phol 21st Century Skill Teaching มาปรับใช้ในโรงเรียนร่วมพัฒนา โดยหลักสูตรดังกล่าวประยุกต์มาจากหลักสูตร IXL ของสหรัฐอเมริกา และมุ่งเน้นในการบ่มเพาะทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (self-learning) และการเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) ซึ่งไม่ได้มีแค่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเรียนรู้ได้จากการลงมือทำจากประสบการณ์จริง อันจะทำให้ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์เป็น มีความคิดสร้างสรรรค์ ปรับตัวได้เร็ว รู้จักการทำงานเป็นทีม และสื่อสารเพื่อนำเสนอผลงานได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21

ขณะเดียวกัน เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เป็น ‘มันสมองของชุมชน’ กลุ่มมิตรผลจึงได้สนับสนุนการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับบุคลกรผู้สอน ทั้งในด้านวิชาการ และทักษะด้านอารมณ์ เช่น การคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร และการใช้ภาษาอังกฤษ ตลอดจนการพัฒนาปรับปรุงห้องเรียนและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้และการช่วยเหลือเกื้อกูลกันภายในชุมชน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงเรียนสมสะอาดพิทยาสรรพ์ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มมิตรผลได้ปรับปรุงห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้มีความทันสมัย พร้อมเปิดศูนย์เรียนรู้ (Learning Center) ที่มีทั้งคอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์ โทรทัศน์ โต๊ะเก้าอี้ที่สะดวกในการเคลื่อนย้าย มุมสืบค้นข้อมูล และมุมเรียนรู้เรื่องหุ่นยนต์ (Robotic) ให้ได้ฝึกทักษะการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เสริมสร้างจินตนาการ และฝึกการเขียนโปรแกรมบังคับหุ่นยนต์ ไม่เพียงเท่านี้ในภายห้องยังมีมุม Workshop สำหรับการสร้างสรรค์ผลงาน ฝึกทักษะฝีมือและฝึกอาชีพ โดยนักเรียน ผู้ปกครอง และคนในชุมชนสามารถเข้ามาใช้งานได้ในแม้ในวันหยุด

นายสุพรรณ์ แก้วนิสสัย ผู้อำนวยการโรงเรียนสมสะอาดพิทยาสรรพ์ กล่าวว่า “พวกเราได้รับความสนับสนุนจากหลายภาคส่วนในการช่วยพัฒนาคุณภาพ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิตให้กับนักเรียน มิตรผลได้เข้ามาช่วยปรับปรุงภูมิทัศน์และระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเหมาะสมต่อการเรียนรู้ของทุกคน ที่สำคัญยังให้ความช่วยเหลือในการปรับปรุงหลักสูตรร่วมกับครูและผู้นำชุมชน เพื่อให้ได้หลักสูตรด้านอาชีพที่เหมาะสมกับบริบทของนักเรียน เช่น การทำผักกางมุ้ง การทำถั่วตัด และสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสื่อการสอน เช่น ห้อง Learning Center ที่ทุกคนสามารถใช้เป็นแหล่งสืบค้นความรู้และข่าวสารในการเรียนและการประกอบการอาชีพได้ทุกวัน และห้องเรียนชั้นป. 1 ที่นำนวัตกรรม Clicker มาใช้ในการสอน เพิ่มความสนุนสนานในชั้นเรียน”

ด้านเด็กหญิงอุทัยทิพย์ เลาสูงเนิน และเด็กชายวีรภัทร ราษีส่อง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กล่าวว่า “พวกเราชอบมาโรงเรียนมาก ที่โรงเรียนมีเกมให้เล่นมากมาย ไม่เคยรู้สึกเบื่อ” ซึ่งคุณครูพัฒชาดาพร โชติไสว ครูประจำชั้น กล่าวเสริมว่า “ห้องเรียนของเราเป็นห้องเรียนแรกที่นำนวัตกรร Clicker มาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจเด็กได้ทั้งวัน สื่อการสอนเทคโนโลยีสมัยใหม่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นความสนใจและเพิ่มทักษะการเรียนรู้ให้กับเด็กแล้ว ยังเป็นการพัฒนาทักษะของครูไปในตัวด้วย เนื่องจากเป็นสื่อใหม่ที่ครูยังต้องเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมๆ กับเด็ก”

นางนภาพร กองอุดม ตัวแทนผู้ปกครอง กล่าวว่า “รู้สึกดีใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของโรงเรียน อย่างในวันนี้ก็ได้มาเห็นว่าโรงเรียนมีห้องเรียนรู้ที่ทันสมัย และผู้ปกครองก็สามารถเข้ามาใช้ได้ด้วย นอกจากนี้ โรงเรียนยังมีนโยบาย ‘มาเช้าทานข้าวฟรี’ ซึ่งประกอบอาหารจากพืชผักสวนครัว และไข่ไก่ที่เป็นผลผลิตของทางโรงเรียนเอง อาหารจึงมีความสะอาด อร่อย และถูกสุขลักษณะ ทำให้เด็กๆ มีวินัย และขยันตื่นเช้าไปโรงเรียน และช่วยให้ผู้ปกครองอย่างเรามีเวลาหารายได้เพิ่มอีกด้วย”

ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีจะเปลี่ยนโฉมโลกไปอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การศึกษายุคใหม่จึงต้องพัฒนาให้เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่มีทักษะหรือคุณลักษณะที่พร้อมเรียนรู้ ปรับตัวให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในภาวะการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีความสุข โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาที่กลุ่มมิตรผลเข้าไปสนับสนุนจึงเป็นอีกหนึ่งต้นแบบในการขับเคลื่อนภาคการศึกษายุคใหม่ เพื่อบ่มเพาะบุคลากรรุ่นใหม่ให้มีความรู้ มีศักยภาพ และเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และชุมชนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *