web analytics

ติดต่อเรา

ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 7 ปั้นหลักสูตร A Academy ผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจาก VCs

ดีแทค แอคเซอเลอเรท เปิดโครงการ ปี 7 จัดหลักสูตรใหม่ A Academy สำหรับสตาร์ตอัพ ที่จัดอยู่ในกลุ่มการลงทุน ระดับซีรี่ส์ A ซึ่งเป็นการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนในระดับ Venture Capital และ Corporate Venture Capital ที่มีมูลค่าการลงทุนจะอยู่ในช่วง 1 – 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นเงินไทยที่ 33 – 495 ล้านบาท เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในภูมิภาคเอเชียและระดับโลก หลังพบว่าสตาร์ตอัพไทยติดกับดัก ซีรี่ส์ A หรือ Series A bottleneck ไม่สามารถโตต่อไปได้

นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดีแทคมีความตั้งใจที่จะนำเอาดีแทค แอคเซอเลอเรท สตาร์ตอัพเข้ามาช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจใน 2 ด้านหลักคือ

  1. สร้างพลังในการขับเคลื่อนองค์กรใหญ่ของดีแทค ไปสู่ Digital Transformationโดยการปรับวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรแบบอไจล์ (Agile) ที่นำเอาแนวคิดการทำงาน และที่ปรึกษาสตาร์ตอัพ จาก ดีแทค แอคเซอเลอเรท เข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของพนักงานในองค์กร เพื่อพัฒนางานให้ได้ประสิทธิภาพตามเป้าหมาย
  2. การสร้างระบบนิเวศน์ เป็นหัวใจสำคัญของการเปิดให้บริการ5G รวมทั้งหากรณีศึกษา เพื่อการใช้งานจริงในโลกธุรกิจ ดีแทค แอคเซอเลอเรท เป็นหนึ่งในภารกิจหลักของดีแทคจะช่วยผลักดันให้เกิดบริการที่สร้างสรรค์ โดยได้นำเอาแพลตฟอร์มของสตาร์ตอัพ มาช่วยสนับสนุนต่อยอดนำเทคโนโลยีมาพัฒนาบริการ ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและสังคมโดยการแสวงหาความร่วมมือ จากหลายหน่วยงาน และนำเอาสตาร์ตอัพเข้าร่วมโครงการทดสอบ 5G Testbed สนามทดลองขนาดใหญ่เพื่อเร่งรัดการพัฒนาระบบ 5G โดยมีแพลตฟอร์มจากสตาร์ตอัพ Ooca และ Globlish เข้าร่วมทดสอบด้วย”

ปลดล็อคสตาร์ตอัพไทย ขึ้นแท่นยูนิคอร์น

ปัจจุบันดีแทค แอคเซอเลอเรทมีสตาร์ตอัพที่ผ่านการระดมทุนระดับ Series A จำนวน 6 ธุรกิจในขณะที่ยังมีอีก 23 ธุรกิจที่ผ่านการระดมทุนระดับเริ่มต้น (Seed) โดยมูลค่าของการระดมทุนจะอยู่ในช่วง 20,000 – 50,000 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 600,000 – 1.5 ล้านบาท ซึ่งยังไม่สามารถระดมทุนต่อไปถึง Series A ได้ ดังนั้นจึงเปิดตัวโครงการ A Academy นี้ขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจสตาร์ตอัพเหล่านั้นให้ก้าวไปสู่การระดมทุนระดับ Series A โดยในโครงการนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมสำหรับ การระดมทุนในรอบการระดมทุนที่มีมูลค่าสูง รวมไปถึงการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น และการนำเทคโนโลยีขั้นสูง เข้ามาปรับใช้กับธุรกิจ เช่น นำการเรียนรู้ของ Machine Learning และAI มาปรับใช้กับธุรกิจ เป็นต้น ในโครงการนี้ ได้เชิญ VC ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย เช่น500Tuktuks/ Golden Gate Ventures/ Line Ventures/ KK Fund และ Monk’s Hill Ventures เข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับการระดมทุน การจัดรูปแบบด้านการเงิน และแบ่งปันเทคนิคต่างๆ และยังได้ร่วมมือกับ Google Launchpad Accelerator นำหลักสูตรผู้บริหาร ของGoogle “Leaders Lab” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหลักสูตรผู้บริหารสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุด มาฝึกอบรมให้กับสตาร์ตอัพ รวมถึงผู้เชียวชาญด้าน Machine Learning และAI จาก Amazon Web Service และ Google Cloud

หลักสูตร A Academy นับเป็นโครงการที่จะช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถที่จะสร้างมูลค่าของบริษัทให้ได้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสตาร์ตอัพสัญชาติไทยที่เป็นหนึ่งในโครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท ให้กลายเป็นยูนิคอร์นต่อไป สำหรับเป้าหมายของดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 7 คือ มองหาธุรกิจที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมทางด้านสุขภาพ เกษตรกรรม อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน e-commerce การท่องเที่ยว insurtech และอื่น ๆ

 

การลงทุนในสตาร์ตอัพไทย ตกต่ำลงเป็นปีแรก

นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวถึง ในประเทศไทยมีสตาร์ตอัพไม่ถึง 10% ที่ได้รับการลงทุนจาก Seed ไปถึง Series A อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ดีแทค แอคเซอเลอเรท เข้ามาช่วยปลดล็อคการลงทุนใน Series A เพื่อช่วยให้ สตาร์ตอัพไทย เติบโตต่อไปได้และไม่กลายเป็นซอมบี้ (Zombie) ซึ่งในกลุ่มสตาร์ตอัพ ดีแทค แอคเซอเลอเรท มีถึง 25% ที่สามารถระดมทุนจาก Seed ถึง Series A ซึ่งเราอยากที่จะเพิ่มอัตราส่วนการลงทุนในสตาร์ตอัพไทยให้ได้มากกว่านี้

การลงทุนในสตาร์ตอัพไทยข้อมูลจาก Techsauce Startup Report 2561 ระบุถึงสถิติการลงทุนในสตาร์ตอัพไทย ตั้งแต่ปี 2558 มีการลงทุนเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2561 ที่ผ่านมา การลงทุนลดลงเหลือเพียง 61 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 2560 ที่มีจำนวน 105ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะไม่มีการลงทุนในดีลใหญ่ๆที่มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านบาท เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา

สาเหตุหลักที่ไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่มี 3 ประการคือ

  1. นักลงทุนหันไปลงทุนในประเทศ กลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่าในไทย เช่น ไปลงทุนที่เวียดนาม เนื่องจากมีคนที่มีความสามารถทางด้านเทคโนโลยีที่มากขึ้น ทำให้เวียดนามสามารถดึงดูดนักลงทุนให้ไปลงทุนได้มากกว่า ในเวียดนามมีการลงทุนถึง890ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 92 ดีล
  2. การแข่งขันที่รุนแรง จากแพลตฟอร์มซุปเปอร์แอป (super app) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ครอบคลุมทุกบริการ และต้องการให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้งานเป็นประจำทุกวัน ทำให้สตาร์ตอัพในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง ต้องออกจากธุรกิจไป เนื่องจากสู้กับซุปเปอร์แอปเหล่านี้ไม่ได้ เช่นLine และ Grab ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซุปเปอร์แอปดังกล่าว แสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตร หรือควบรวมกิจการ สร้างอีโคซิสเต็ม ขยายบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองผู้ใช้งานได้ครบครันในแอปเดียว เช่น บริการ ส่งของ ส่งอาหาร บริการด้านการเงิน ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกสบาย โดยไม่ต้องใช้แอปอื่น
  3. ต้นทุนในการได้มาซึ่งลูกค้า(Customer Acquisition Cost: CAC) เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจสตาร์ตอัพจำนวนมากจึงเริ่มที่จะเปลี่ยนรูปแบบจาก B2C (Business to Consumer) คือ การที่ธุรกิจขายสินค้าและบริการให้แก่ผู้บริโภคทั่วๆไปโดยตรง ไปสู่ B2B (Business to Business) ทำธุรกิจโดยขายสินค้าหรือบริการ ให้กับ

ลูกค้าที่เป็นลูกค้าองค์กร ไม่ใช่รายบุคคล เพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้น ซึ่งรูปแบบธุรกิจ แบบ B2B ที่มีศักยภาพในการเติบโตแบบก้าวกระโดด (scalable business model) ได้นั้นก็ทำได้ยาก

ในปี 2561 ที่ผ่านมา มีการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพสัญชาติไทยทั้งสิ้น 34 รายการ โดยมีมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 61 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมี 7 รายการที่เป็นสตาร์ตอัพจาก ดีแทค แอคเซอเลอเรท โดยมีมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 11 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่ากับ 17% ของการลงทุนทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งธุรกิจสตาร์ตอัพไทยที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Fastwork ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพที่มีมูลค่าการระดมทุนสูงที่สุดในระดับ Series A ที่ผ่านมา นอกจากนี้ Ricult เองก็ได้รับการระดมทุนระดับ Seed Fund ที่สูงที่สุดของหมวดเกษตรกรรมประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน ปัจจุบันดีแทค แอคเซอเลอเรท มีสตาร์ตอัพในโครงการรวมทั้งสิ้น 46 ธุรกิจ ซึ่งมีอัตราความสำเร็จของธุรกิจคิดเป็น 70% โดยคิดเป็นมูลค่ารวมอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท และมีปริมาณการระดมทุนคิดเป็นมูลค่า 870 ล้านบาท

 

ดีแทค แอคเซอเลอเรท เปิด 2 หลักสูตร สร้างสตาร์ตอัพไทย และสตาร์ทอัพ Series A

ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 7 เปิด 2 หลักสูตร คือ

  1. หลักสูตรบ่มเพาะสตาร์ตอัพน้องใหม่ ทั้งในระดับIncubator Track สำหรับ ผู้ที่มีไอเดีย แต่ยังไม่เกิดเป็นธุรกิจและ Accelerator Track สำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างรวดเร็ว
  2. หลักสูตรA Academy สำหรับสตาร์ตอัพในครอบครัวดีแทค แอคเซอเลอเรท ที่จัดอยู่ในกลุ่มการลงทุนระดับ ซีรี่ส์ A โดยร่วมกับGoogle / 500 สตาร์อัพ และ VCs กลุ่มนักลงทุนชั้นนำในเอเชีย เป็นการสนับสนุนเส้นทางการหาเงินทุน ที่จะช่วยให้สตาร์ตอัพได้เงินทุนในมูลค่าถึง 100 ล้านเหรียญ และช่วยผลักดันสตาร์ตอัพในครอบครัวดีแทค แอคเซอเลอเรท ได้เป็นยูนิคอร์นจากประเทศไทย เป็นรายแรก

มีอะไรใหม่ใน dtac accelerate batch 7

  • มีเมนเทอร์ใหม่ใน Batch 7 นี้ 2 ท่านคือคุณเจษฎา สุขทิศ CEO และผู้ก่อตั้ง Finnomena (dtac acceletate Batch 4) ซึ่ง ณ ขณะนี้ Finnomena ได้มีส่วนช่วยบริหารการลงทุนให้กับผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มด้วยมูลค่า 6,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณเจษฎา มีประสบการณ์เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากธนาคารชั้นนำมาก่อน และท่านที่สองคือคุณณธิดา รัฐธนาวุฒิผู้ก่อตั้ง Marketing Oops เว็บไซต์การตลาดชั้นนำ คุณณธิดา มีประสบการณ์ทางด้าน การตลาดดิจิทัล กลยุทธ์การสื่อสารออนไลน์ มาร่วม 18 ปี รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจสตาร์ตอัพมากมาย
  • ไฮไลท์กูรูสตาร์ตอัพในด้านต่างๆ คือ Nir Eyal ที่จะมาสอนเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ Jacob Greenspan สอนเรื่องการออกแบบ UI/UX และ Scott Bales สอนเรื่อง Customer Validation
  • พันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีการเงิน (Official Finance Technology Partner) : KBTG
  • พันธมิตรผู้สนับสนุนรางวัล (Award Sponsors) : เมืองไทยประกันชีวิต (Muang Thai Life Assurance) สิริ เวนเจอร์ (Siri Ventures) ปตท. (PTT) และ Line
  • ผู้สนับสนุนรางวัลขวัญใจมหาชน (Popular Vote Award Sponsor) : WeWork / WeWork Labs
  • พันธมิตรด้านเทคโนโลยี (Technology Partners)
    Tier 1 : Amazon Web Services, Google Cloud, Facebook Start, Line ScaleUp
    Tier 2 : HubSpot, Appsflyer, Digital Ocean, Cloudee, Knowlarity
  • หลักสูตร A Academy สำหรับสตาร์ตอัพ Series A จะประกอบไปด้วย
    1) การเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่ Series A: ดีแทค แอคเซอเลอเรทได้เชิญ VC ชั้นนำของเอเชียเพื่อมาเป็นเมนเทอร์ให้กับโครงการนี้ โดยจะเป็นรูปแบบการให้ความรู้แบบตัวต่อตัวภายใต้เนื้อหาเกี่ยวกับการระดมทุน การจัดรูปแบบทางการเงิน และเทคนิคการระดมทุน
    2) การฝึกอบรมทักษะการบริหารจัดการจาก Google: เราได้รับความร่วมมือจากโครงการ Google Launchpad Accelerator จัดอบรม “Leaders Lab” โดยการอบรมนี้จัดขึ้นสำหรับ CEO และ CTO เพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านแนวคิดเพื่อการจัดการองค์กร การจัดการโครงสร้างในองค์กร การบริหารบุคลากรในองค์กร และอื่นๆ อีกมากมาย โดยการฝึกอบรมนี้จะถูกจัดขึ้นที่สำนักงานของ Google ประจำประเทศสิงคโปร์
    3) การฝึกอบรมการจัดการ B2B และ B2C จาก 500 Startups
    4) การช่วยเหลือทางด้านขยายตลาด: โครงการนี้จะเป็นตัวช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถที่จะขยายธุรกิจเพื่อเข้าสู่ตลาดอื่น ๆ เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม เป็นต้น

 

กำหนดการรับสมัครและกิจกรรมต่าง ๆ ของ ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 7

-เปิดรับสมัครสตาร์ตอัพที่สนใจ เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันนี้ถึง 16 เมษายน 2562
-โรดโชว์ไปแนะนำโครงการ ที่กรุงเทพ ในวันที่ 13 มีนาคม ขอนแก่นวันที่ 19 มีนาคม ภูเก็ตวันที่ 21 มีนาคม และเชียงใหม่ วันที่ 27 มีนาคม 2562
-เปิดให้ประลองไอเดียพิชคลินิก ในสไตล์ไวกิ้ง ณ สำนักงาน LINE ประเทศไทยในวันที่ 30 มีนาคม
-นำเสนอผลงานพิชเดย์ ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562
-บูทแคมป์ในวันที่ 22 พฤษภาคม – 6 กันยายน 2562
– ดโมเดย์ 6 กันยายน 2562

สามารถส่งใบสมัครทางออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึง 16 เมษายน 2562 ผ่านทาง https://accelerate.dtac.co.th/en/home

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://accelerate.dtac.co.th/en/home  หรือ Facebook https://www.facebook.com/dtacAccelerate/

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *