web analytics

ติดต่อเรา

Porsche สร้างสถิติยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่สูงสุด

ระยะเวลาตลอดปี 2018 Porsche AG สามารถดำเนินการส่งมอบรถยนต์ใหม่ถึงมือลูกค้าผู้หลงใหลในยนตรกรรมสปอร์ต สมรรถนะสูงทั่วทุกมุมโลกได้เป็นจำนวนถึง 256,255 คัน นับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่ อัตราการเติบโตคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 4% เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติที่ดีเยี่ยมของปีก่อนหน้า ผลสำเร็จในด้านยอดขาย เกิดขึ้นจากการตอบรับที่เป็นไปในทิศทางบวกต่อรถสปอร์ตหลากหลายรุ่น ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) ทุบสถิติอัตราการเติบโตสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้นในสัดส่วนถึง 38% หรือคิดเป็นตัวเลขยอดส่งมอบกว่า 38,443 คัน สำหรับปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นด้วยตัวเลขสองหลักเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้ว่า 911 เจเนอเรชั่นล่าสุดเพิ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปีก็ตาม ตัวเลขยอดส่งมอบของยนตรกรรมสปอร์ตเรือธง เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนถึง 10% หรือ 35,573 คัน

“ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) คือยนตรกรรมที่เต็มไปด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาโดยตลอด” ข้างต้นคือความ คิดเห็นจาก Detlev von Platen, สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้ดูแลรับผิดชอบส่วนงานขายและการตลาด ของ Porsche AG “เราเพิ่งผ่านการเฉลิมฉลองการเปิดตัวครั้งแรกของโลก สำหรับปอร์เช่ 911 รุ่นใหม่ (The new Porsche 911) เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ภายในงานมหกรรมยานยนต์นานาชาติ Los Angeles Autoshow แต่ถึงกระนั้นในปี 2018 รถสปอร์ตอันเป็นตำนานของเราคันนี้ ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดและสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าผู้หลงใหลความแรงได้มาก กว่าปีก่อนหน้า” ในส่วนของปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) สามารถรักษาสถิติรถยนต์ปอร์เช่ที่มียอดจำหน่าย สูงที่สุดด้วยตัวเลข 86,031 คัน และตามติดด้วยความสำเร็จของปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) จากยอดส่งมอบ 71,458 คัน

 

ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของปอร์เช่

ประเทศจีนยังคงรักษาสถานะผู้นำอันดับหนึ่งด้านยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ได้อีกครั้งในปี 2018 อัตราการเติบโตพุ่งขึ้นสูงถึง 12% หรือคิดเป็นจำนวนรวมที่ 80,108 คัน อันดับ 2 คือประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 3% หรือ 57,202 คัน ในส่วนของยอดส่งมอบในยุโรปลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย “เนื่องจากการเปลี่ยนแปลง วิธีการทดสอบ WLTP test cycle แบบใหม่  รวมทั้งการบังคับใช้ระบบ gasoline particulate filters ในภูมิภาคยุโรป นั่นหมายความว่า เราต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2018 ต่อเนื่องไปจนถึงช่วง 6 เดือนแรกของปี 2019

เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่ปอร์เช่ได้ยุติบทบาทของรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลลงนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018” Detlev von Platen กล่าวเสริม

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *