web analytics

ติดต่อเรา

เทเลนอร์เผย 7 เทรนด์เทคโนโลยีมาแรงปี 2562

ศูนย์วิจัยเทเลนอร์ เผย 7 แนวโน้มเทคโนโลยีมาแรงปี พ.ศ.2562 ชี้นักพัฒนา ผู้กำหนดนโยบายและเอกชนหันมาให้ความสำคัญกับ “การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ” มากขึ้น ท่ามกลางการพัฒนาอย่างรวดเร็วในหลายปีที่ผ่านมา

นายบียอน ทาล แซนเบิร์ก หัวหน้าศูนย์วิจัยเทเลนอร์ กล่าวว่า แม้ในรอบปีที่ผ่านมา โลกของเทคโนโลยีเกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว แต่จากผลกระทบด้านลบที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี ทำให้นักเทคโนโลยีกลับมาพิจารณาถึงแง่มุมต่าง ๆ ของการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อสังคม ครอบครัวและระดับปัจเจกบุคคล

“แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด ผู้คนในสังคมต่างกลับมาพิจารณาถึงหลักประกันต่อการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย ชาญฉลาดและสร้างสรรค์” นายแซนเบอร์ก กล่าว และทั้ง 7 แนวโน้มเทคโนโลยีที่คาดการณ์นั้นจะเป็นปรากฏการณ์สำคัญทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปี 2562

ดีพเฟคจะกระจายตัวมากขึ้น

ในช่วงปีที่ผ่านมา ประเด็นการใช้ประโยชน์ทางลบของโซเชียลมีเดียและ AI ได้รับการจับตามองจากสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ดีพเฟค” (Deepfake) หรือรูปแบบของข้อมูลปลอมที่แพร่กระจายทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งคาดว่าในปี 2562 จะเกิดเนื้อหาประเภท “ดีพเฟค” มากขึ้น เนื่องจากการทำงานของโมเดลอัลกอธิรึ่มที่เรียกว่า GANs ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น และเรียนรู้เร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคอย่างมากในอนาคตต่อการแยกแยะระหว่างข้อมูลจริงกับข้อมูลปลอมในโลกดิจิทัล

ทั้งนี้ ดีพเฟคจะเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลมากขึ้นในการรณรงค์หาเสียง ซึ่งจะเข้ามาปั่นปวนและให้ข้อมูลเท็จต่อสาธารณชน โดยในปี 2562 ที่จะถึงนี้ ประเทศมหาอำนาจถึง 2 ประเทศ ได้แก่ อินเดียและสหรัฐอเมริกา มีกำหนดจัดการเลือกตั้งและเริ่มรณรงค์หาเสียงประธานาธิบดี

นอกจากนี้ ในปี 2562 จะเริ่มเห็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต โอเปอเรเตอร์และหน่วยงานกำกับดูแลจริงจังกับการกำจัดและสร้างภูมิคุ้มกันในการต่อกรกับดีพเฟคคอนเทนท์มากขึ้น

AI จะถูกกำหนดด้วยกรอบจริยธรรม

การพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ได้เกิดการใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในภาคธุรกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสังคมเริ่มตระหนักถึงผลกระทบของเทคโนโลยีต่อการใช้ชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยี AI โดยในปี 2562 จะมีการตรวจสอบการใช้งาน AI จากสาธารณะมากขึ้น ตลอดจนการกำหนดกรอบการใช้งานของ AI โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะมีการร่วมกันจัดตั้งกรอบธรรมาภิบาลและจริยธรรมในการใช้ AI เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีแนวปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณ

การกำหนดกรอบการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจต่อสาธารณะในการใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง โปร่งใส ติดตามได้ และมั่นคง นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าในเวทีโลกจะมีการอภิปรายต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์ของ AI ในหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในทางการเมือง การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทางด้าน AI ตลอดจนการลงทุนในเครื่องมือและระบบที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมของการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จาก AI

กรอบจริยธรรมอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งเห็นได้จากการพัฒนาระบบนิเวศของ AI ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกาและจีน ขณะที่ในภูมิภาคที่มีการกำกับอย่างยุโรปพัฒนาได้อย่างช้ากว่า อย่างไรก็ตาม กรอบธรรมาภิบาลถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่างยั่งยืน ซึ่งสุดท้ายแล้ว กรอบทางจริยธรรมที่กำหนดขึ้นจะช่วยทำให้เกิดความมั่นคง ความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

เกิดเมืองจำลอง 5G ขึ้นทั่วโลก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยี 5G อย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาระบบคลาวด์เพื่อเชื่อมต่อกับสถานีทดสอบคลื่น 5G การพัฒนาแนวทางการใช้ประโยชน์จาก 5G เช่น การแสดงโดรนในพิธีเกิดโอลิมปิคฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ และในปี 2562 นี้ จะเริ่มเห็นเมืองจำลองที่ใช้สำหรับดำเนินโครงการนำร่องเพื่อทดลองการใช้ประโยชน์จาก 5G ในภูมิภาคต่างของโลก ทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชียตะวันออกไกล

นอกจากนี้ ในปี 2562 จะเป็นปีที่คนสังคมจะได้รับรู้และสัมผัสถึงความเป็นสังคมดิจิทัลอย่างแท้จริง ตัวอย่างที่เมืองคองสเบิร์ก ประเทศนอร์เวย์ ที่มีการนำร่องทดลอง 5G ในขณะนี้ หลังจากที่มีการพูดถึงสังคมดิจิทัลอย่างแพร่หลาย ทั้งในฝั่งผู้ให้บริการ หน่วยงานภาครัฐและธุรกิจในช่วงปีที่ผ่านมา

แม้ 5G คาดว่าจะมีการกำหนดมาตรฐานอย่างเป็นทางการในปี 2563 แต่ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่หนุนให้เกิด 5G ขึ้นอย่างเต็มศักยภาพจะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทางด้านการตลาดและการรับรู้ของ 5G ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไร้คนขับ รถบัสควบคุมทางไกล การทำประมงด้วยระบบอัตโนมัติ การผ่าตัดทางไกล โครงการนำร่องต่าง ๆ ที่เเสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ 5G จะเริ่มเกิดขึ้นในปี 2562 เพื่อเตรียมพร้อมสู่การให้บริการทางพาณิชย์ในปี 2563

IoT จะเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรม

เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่งหรือ IoT ที่เริ่มมีการใช้ในภาคอุตสาหกรรมจะมีเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านจากห้องทดลองสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์แก่ลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น ด้วยเครือข่ายแบบ LPWA หรือการสื่อสารแบบไร้สายทางไกลพลังงานต่ำ ซึ่งออกแบบมารองรับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (M2M) เน้นรับส่งข้อมูลจำนวนไม่มากนัก และใช้พลังงานต่ำ ทำให้การใช้งานมีความยาวนานมากกว่าการใช้ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เอื้อต่อการใช้ประโยชน์ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น เช่น การบริหารเมืองอัจฉริยะ ภาคอุตสาหกรรม และแอปพลิเคชันเชิงพาณิชย์ เช่น การติดตามระบบขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ การทำประมง และการควบคุมจราจร

ในส่วนของระบบหลังบ้านนั้น เริ่มมีความชัดเจนขึ้นถึงการใช้ประโยชน์ของระบบการสื่อสารต่างๆ ต่อการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ระบบ LTE เหมาะกับการใช้กับระบบกล้องวงจรปิดและระบบการสื่อสารภายในรถยนต์ ขณะที่ LTE-M เหมาะกับการใช้ในระบบขนส่ง ส่วน NB-IoT ใช้สำหรับการวัดเซนเซอร์ ซึ่งการพัฒนาของ LWPA จะยังคงมีขึ้นและได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องในปี 2562

“แชทบอท” ผู้ช่วยคนต่อไปในบ้านคุณ

ในช่วงปีที่ผ่านมา การพัฒนาของระบบผู้ช่วยส่วนตัวจะมาในรูปแบบของแชทบอทผ่านการพิมพ์ผ่านตัวหนังสือ แต่ในปี 2562 นี้ จะเห็นการพัฒนาและการใช้แชทบอทที่ผ่านระบบการสั่งการด้วยเสียงมากขึ้นและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ในบ้าน ทำให้การสั่งงานอุปกรณ์ภายในบ้านต่างๆ สามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่านแชทบอทที่อยู่ในบ้าน เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว ทำให้ชีวิตในบ้านง่ายดายมากยิ่งขึ้น และเป็นไปได้ว่าอุปกรณ์ล้ำสมัยที่สามารถสั่งการผ่านแชทบอทได้นั้น จะกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ภายในบ้านทั่วโลกในปีหน้าอย่างแน่นอน

โทรศัพท์ฝาพับจะกลับมา

ความกังวลของผลกระทบต่อการใช้เวลากับจอสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกำลังเป็นที่อภิปรายมากขึ้นในสังคม โดยคาดการณ์ว่าในปี 2562 การพัฒนาแอปฯ หรือเครื่องมือที่ติดตามการใช้งานจอ การเปิดโหมดป้องกันการรบกวนในเวลากลางคืนจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

นอกจากแอปฯ และซอฟท์แวร์ใหม่ๆ ที่จะออกสู่ตลาดแล้ว ผู้พัฒนาดีไวซ์หรือโซเชียลมีเดียนั้นๆ จะเพิ่มฟังก์ชั่นให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้เอง ขณะที่กระแส “เขตปลอดการใช้มือถือ” จะกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม เช่น การห้ามใช้มือถือระหว่างรับประทานอาหารกับครอบครัวหรือเพื่อน และการงดใช้มือถือระหว่างประชุม กระแสดังกล่าวจะเริ่มปรากฏและถูกรณรงค์โดยผู้ให้บริการ เพื่อสร้างการรับรู้

ด้วยเหตุนี้ ทำให้โทรศัพท์แบบฝาพับจะได้กลับมาได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มติดจอ โดยโทรศัพท์แบบฝาพับจะสามารถรองรับได้ 2 ซิม ทั้งซิมที่เน้นเฉพาะดาต้าสำหรับเล่นอินเทอร์เน็ต และซิมที่เน้นการโทร ซึ่งย้อนกลับไปสู่ยุคที่โทรศัพท์ฝาพับยุคอนาล็อกเคยได้รับความนิยมในอดีต

กระแสกรีนเทคแรงขึ้น

จากการที่คณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ออกโรงเตือนถึงความร่วมมือในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทำให้ความกังวลและการรับรู้ของผู้คนในสังคมต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศสูงขึ้น ทำให้กระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยี (Green tech) จะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในปี 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้ชีวิตอย่างฉลาดขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ตัวอย่างที่ นครออสโล เมืองต้นกำเนิดของเทเลนอร์ได้เป็นผู้นำของการพัฒนาและอาศัยศักยภาพเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน การใช้สินค้าและบริการของเทคโนโลยีที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคก็มีความนิยมสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น แอปฯ Too Good To Go ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยลดปริมาณขยะอาหาร (food waste) การแบ่งรถยนต์ใช้ (car sharing) หรือแม้แต่การใช้บริการส่งอาหารที่ใช้จักรยานเท่านั้น

กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนอร์เวย์สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยข้อมูลระบุว่า 30% ของรถยนต์ออกใหม่ในนอร์เวย์เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า สอดรับกับนโยบายภาษีและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มีการจัดเก็บสูงขึ้นสำหรับสินค้าและบริการที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในนอร์เวย์ ซึ่งการเปลี่ยนผ่านโดยภาพรวมเป็นผลมาจากความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ผู้พัฒนาเทคโนโลยี ผู้บริโภคและแรงกดดันจากสังคม ซึ่งองค์ประกอบทั้ง 4 ส่วนนั้นล้วนเป็นแรงผลักดันที่ก่อให้เกิดกระแส Green tech ที่นอร์เวย์ในปี 2019

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *