web analytics

ติดต่อเรา

GWM โชว์วิสัยทัศน์แสดงจุดยืนผู้นำ NEV ในอาเซียน ประกาศพลิกเกมขับเคลื่อนสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี Hi-4

GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ได้เข้าร่วมแสดงศักยภาพและวิสัยทัศน์ในฐานะหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับภูมิภาคในงาน International NEV Summit 2025 ครั้งที่ 3 โดย นายชาญศักดิ์ หลายเจริญโชคชัย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ GWM (Thailand) ได้บรรยายพิเศษในประเด็น “เจาะลึกเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนของรถยนต์พลังงานใหม่และแนวโน้มในอาเซียน” (Insight into NEV Powertrain Technology and Trends in ASEAN) โดยเปิดมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบส่งกำลัง (Powertrain) และแนวโน้มยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในอาเซียน ร่วมวิเคราะห์ทิศทางของอุตสาหกรรม โอกาส ความท้าทาย และพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคอาเซียนพร้อมชูเทคโนโลยีระบบส่งกำลังอัจฉริยะ Hi-4 ที่มอบประสิทธิภาพการขับขี่ระดับสูงและพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ โดยผสานระหว่างสมรรถนะและความประหยัดพลังงานอย่างชาญฉลาด ตอบโจทย์ตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่ต้องการทั้งความแรง ประหยัด และคุ้มค่า โดยงาน International NEV Summit 2025 ครั้งที่ 3 ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 26 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ

ในงานนี้เป็นการประชุมที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาร่วมอภิปรายในหลายประเด็นทั้งนโยบายเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยี และการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนบทบาทของยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และโอกาสในการดำเนินธุรกิจในกลุ่มของรถยนต์พลังงานใหม่ที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายชาญศักดิ์ หลายเจริญโชคชัย ​​ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ GWM (Thailand) วิเคราะห์ข้อมูลตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ทั้งในไทยและในภูมิภาคอาเซียนว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคอาเซียนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งแรงผลักจากนโยบายโลกร้อน แรงหนุนจากนโยบายภาครัฐ การพัฒนาด้วยเทคโนโลยีและระบบขับเคลื่อน และความคุ้มค่าด้านต้นทุนพลังงาน รวมถึงบทเรียนสำคัญจากประเทศจีน โดยเฉพาะนโยบาย ที่ใช้ทั้ง  New Energy Vehicle Credit (NEV) และ Passenger Vehicle Corporate Average Fuel Consumption Credit (CAFC) ในการกระตุ้นการผลิตรถยนต์ BEV, PHEV และ FCEV อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้จีนกลายเป็นผู้นำในด้าน NEV และเป็นต้นแบบที่อาเซียนสามารถเรียนรู้และปรับใช้ได้ และคาดว่าภายในปี 2573 สัดส่วนของ BEV และ PHEV ในตลาดจีนจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดย GWM มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะยาว จากข้อมูลล่าสุดในปี 2567 ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในกลุ่มประเทศอาเซียน-5 ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 14% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 5% โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น รถยนต์ไฮบริด (HEV) 6.5%, รถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV) 0.5%, และรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV) 7% พบว่า รถยนต์ไฮบริด (HEV) ยังครองสัดส่วนในตลาดหลักอย่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV) กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนามที่สัดส่วนของรถ BEV มากกว่า HEV ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลในการพัฒนาและผลิตแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ทั้งนี้ GWM คาดการณ์ว่า ภายในปี 2569 ตลาดอาเซียนจะมีส่วนแบ่งการตลาดของยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) เพิ่มขึ้นเป็น 21% หรือประมาณ 1 ใน 4 ของตลาดรถยนต์ทั้งหมดในภูมิภาคนี้ โดยรถยนต์ไฮบริดจะมีสัดส่วนมากที่สุดประมาณ 10% ตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ 9% และรถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด 2% สำหรับในประเทศไทย GWM เล็งเห็นว่ารถยนต์พลังงานใหม่จะเติบโตจาก 35% ในปี 2567 ไปอยู่ที่ 45% ของตลาดรถยนต์รวม ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนของภูมิภาคอาเซียน โดยแบ่งเป็น รถยนต์ไฮบริด 23% รถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ 18% และรถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด 4%”

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญจาก GWM ในการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ คือการนำเสนอเทคโนโลยี Hi-4 (Hybrid Intelligent 4WD) ที่ได้รับการวิจัยพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกเพื่อปฏิวัติมาตรฐานการขับเคลื่อนยุคใหม่ โดย GWM ได้ออกแบบให้ระบบสามารถถ่ายทอดแรงบิดสู่ล้อหน้าและหลังอย่างสมดุล เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในแต่ละสถานการณ์ พร้อมระบบ ITVC (Intelligent Torque Vectoring Control) ที่สามารถปรับแรงบิดของล้อแต่ละข้างได้ภายในเวลาเพียง 0.01 วินาที เพิ่มทั้งความปลอดภัยและสมรรถนะในการขับขี่ทุกสถานการณ์ รองรับการขับขี่ถึง 9 โหมด ครอบคลุมทั้ง EV Mode, Series Range-Extending Mode, Parallel 4WD Mode และโหมดการฟื้นพลังงานจากเพลาหน้า-หลัง โดยใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งคู่หน้าและหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด และการตอบสนองที่นุ่มนวลแม้ในเส้นทางที่ท้าทาย พร้อมยกระดับการขับเคลื่อนแบบ 4WD ด้วยต้นทุนพลังงานเท่ากับรถ 2WD อย่างแท้จริง

GWM Hi4 Technology System หรือกลยุทธ์การออกแบบระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฮบริดที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์การใช้งาน ครอบคลุมตั้งแต่รถครอบครัวในชีวิตประจำวัน รถ SUV ขนาดใหญ่ รถออฟโรดอัจฉริยะ ไปจนถึงรถลุยสายโหดพร้อมระบบขับเคลื่อนขั้นสูงสุด โดย Hi4 Technology แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามระดับสมรรถนะ และรูปแบบการใช้งาน ดังนี้

  • Hi4 ระบบไฮบริดขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด มอเตอร์คู่ และโครงสร้างไฮบริดแบบ DHT หลายเกียร์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบแยกอิสระ (Decoupled Four-Wheel Drive) และระบบล็อกเฟืองขับ (Electric differential lock) โดยมีโหมดการขับเคลื่อน 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดขยายระยะทาง (Range Extension), โหมดขับเคลื่อนแบบขนาน (Parallel), และโหมดขับเคลื่อนโดยตรง (Direct Drive) ซึ่งสามารถสลับใช้งานได้อย่างชาญฉลาด จึงเหมาะกับทุกสภาพการขับขี่ มอบทั้งความปลอดภัย อัตราสิ้นเปลืองที่ต่ำ อัตราเร่งที่ทรงพลัง สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และโซลูชันอัจฉริยะในทุกมิติ เหมาะสำหรับรถครอบครัวยุคใหม่ ใช้ในรุ่น GWM HAVAL H7, GWM Haval Xiaolong MAX และ GWM HAVAL Menglong และ GWM WEY 80
  • Hi4-Z ระบบไฮบริดที่ออกแบบเพื่อรองรับการขับขี่แบบออฟโรด เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการขับขี่ที่ให้ระยะทางการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดพละกำลังสูง มอเตอร์คู่ด้านหน้าและด้านหลังกําลังสูงที่วางในแนวตรง ปรับความเร็วได้ 3 ระดับ (Longitudinal 3-speed dual-motor) แบตเตอรี่เฉพาะออฟโรดความจุขนาดใหญ่ และโครงสร้างตัวถังบนเฟรม (Body on Frame) ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการระบบขับเคลื่อนที่ให้พลังต่อเนื่องยาวนาน การตอบสนองที่รวดเร็ว สมรรถนะในการเร่งที่ยอดเยี่ยม รองรับทุกการเดินทางได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพเส้นทาง และระยะทางในการขับขี่ที่ไกลเพียงพอสำหรับการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ใช้ในรุ่น GWM TANK 500 Hi4-Z
  • Hi4-T ระบบไฮบริดขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับการขับขี่ออฟโรดแบบฮาร์ดคอร์ แบบ Mechanical 4WD พร้อมล็อกเฟืองขับ 3 จุด (หน้า กลาง และ หลัง) มีให้เลือกทั้งขุมพลัง0T และ 3.0T มอเตอร์ด้านหน้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9HAT พัฒนาขึ้นสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่สายออฟโรด บนพื้นฐานของแพลตฟอร์ม TANK โดยเน้นจุดเด่นด้าน พลังขับเคลื่อนที่แรงต่อเนื่อง การจัดการพลังงานอัจฉริยะที่แม่นยำ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่เชื่อถือได้ สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร พร้อมโหมดการขับขี่แบบออฟโรดมากถึง 16 รูปแบบ รองรับทุกสภาพภูมิประเทศ ใช้ในรุ่น GWM TANK 300 Hi4-T, GWM TANK 500 Hi4-T, GWM TANK 400 Hi4-T และ GWM TANK 700 Hi4-T

การเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของ GWM ในการยกระดับนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ให้ก้าวไกลสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “GWM Go With More” ที่ไม่หยุดอยู่แค่การพัฒนาเทคโนโลยี แต่เดินหน้าสร้างคุณค่าที่มากกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย และความยั่งยืนในระยะยาว GWM เชื่อว่าเทคโนโลยี Hi-4 คืออีกก้าวสำคัญที่จะพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์พลังงานใหม่ให้เหนือกว่าที่เคย และนิยามอนาคตแห่งการเดินทางยุคใหม่อย่างแท้จริง

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *