เคเอฟซี ประเทศไทย ประกาศแผนรุกธุรกิจที่แข็งแกร่ง !
เคเอฟซี ประเทศไทย ผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนแต่งตั้งบริษัทเรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด (Restaurant Development Company Limited – RDCL) เป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่อย่างเป็นทางการ โดยจะเข้าร่วมบริหารและปรับโฉมร้านเคเอฟซี 130 สาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภาคใต้ พร้อมเตรียมเปิดเพิ่มอีก 100 สาขาในประเทศไทย พันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่นี้นับเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สร้างการเติบโตของแบรนด์ด้วยการขยายสาขาให้ครบ 800 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2563 หรือขยายเพิ่ม 215 สาขาจากปี 2559
แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไป เคเอฟซี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เคเอฟซี ประเทศไทย ได้ประกาศแผนกลยุทธ์ธุรกิจรุก 800 สาขา ด้วยนวัตกรรมที่เป็นเลิศ พร้อมพันธมิตรรายใหม่ การประกาศพันธมิตรรายใหม่ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาเคเอฟซีไปสู่จุดมุ่งหมายดังกล่าว ซึ่งจะนำประโยชน์มาสู่ลูกค้า พนักงาน และพันธมิตรของเรา และความแข็งแกร่งด้านพันธมิตรธุรกิจของเรานี้จะช่วยขับเคลื่อนเคเอฟซี ประเทศไทย ไปสู่ความสำเร็จที่มั่นคงยิ่งขึ้นแน่นอน เคเอฟซีมีความยินดีที่ได้รับบริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด เข้ามาเป็นฟรานไซน์ซี่รายใหม่ เนื่องจากกลุ่มผู้บริหารของบริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด มีความชื่นชอบและสนใจในธุรกิจอาหาร รวมถึงมีศักยภาพในการลงทุนสูง พร้อมทั้งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์แบบมืออาชีพในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนในระดับภูมิภาคเอเชีย สำคัญที่สุดคือความมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างการเติบโตให้แบรนด์เคเอฟซีในประเทศไทย”
บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด คือบริษัทจดทะเบียนไทยเต็มรูปแบบ ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ โดยมีพนักงานชาวไทยมากกว่าสามพันคน โดยเป็นการร่วมทุนของผู้ลงทุนทั้งไทยและอาเชียนซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะผู้บริหาร นำโดยกองทุนอาเซียนอินดัสเตรียลโกรธ์ฟันด์ หรือเอไอจีเอฟ ซึ่งสนับสนุนโดยบริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งญี่ปุ่น
แอนดรูว์ นอร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด และผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน ด้วยประสบการณ์กว่า 13 ปีในออสเตรเลียและไทย กล่าวว่า “ผมตื่นเต้นมากที่ได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการขยายแบรนด์อันโดดเด่นนี้ไปด้วยกัน ด้วยความเป็นองค์กรที่แข็งแกร่ง มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ และมีความมั่นคงทางการเงิน เราเชื่อมั่นว่าจะช่วยนำเคเอฟซี ประเทศไทย สู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมการเติบโตทางธุรกิจไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน ผมมั่นใจว่า เราจะช่วยกันสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วของแบรนด์เคเอฟซี และรักษาความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งต่อไปอย่างมั่นคง”
สำหรับความสำเร็จทางธุรกิจล่าสุด เคเอฟซี ประเทศไทยยังคงครองความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน ด้วยการเป็นแบรนด์ที่ครองสัดส่วนจำนวนผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าและบริการอยู่ที่ร้อยละ 65 1 ของตลาดร้านอาหารบริการด่วนโดยรวม อีกทั้งยังสามารถสร้างยอดขายทะลุเป้าที่ตั้งในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนมีการเติบโตที่ชะลอตัว เคเอฟซียังคงมีการพัฒนาด้านนวัตกรรมออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 2559 นี้ เคเอฟซีจะมีร้านที่เปิดใหม่จำนวน 35 สาขา ทำให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 585 สาขาภายในสิ้นปี การเติบโตอย่างรวดเร็วของเคเอฟซีนั้นเป็นผลจากแผนการพัฒนาด้านสาขา โดยภายในปี 2563 ฟรานไซน์ซี่รายใหม่ บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จะรับผิดชอบในการสร้างสาขาเพิ่ม 100 สาขา จากเป้าหมายทั้งหมด 215 สาขา ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 6,500 ตำแหน่ง
“ข้อตกลงทางธุรกิจในครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อลูกค้าและพนักงานของเรา เพราะจะมีทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ และร้านเคเอฟซีใหม่ ๆ และเราจะยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและพันธมิตรซึ่งมีความทุ่มเท เราตื่นเต้นกับโอกาสในอนาคตของเรานี้ซึ่งจะนำไปสู่การขยายธุรกิจที่รวดเร็ว และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องให้แก่ลูกค้า” แววคนีย์กล่าวสรุป
