พลิกโฉม เชอร์แมน เครื่องเสียงแบรนด์ไทย
เครื่องเสียงแบรนด์ไทย “เชอร์แมน” (Sherman) โดย บริษัท นิคอนไทยเซลล์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ปรับทัพเสริมแกร่งแบรนด์ด้วยแนวคิด “สมาร์ท ซาวด์” พัฒนาเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมเสริมบูลทูธเทคโนโลยี เชื่อมต่อโมบายแอบพลิเคชั่น “ซาวด์ บ็อกซ์” (Sound Box) เลือกฟังเพลงได้ง่ายๆ จากสมาร์ทโฟน หมดปัญหาเรื่องการหาเพลงจาก USB ตอบโจทย์โดนใจกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ เตรียมดันยอดขายทะลุ 1,000 ล้านบาทภายในปีนี้ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้นำเครื่องเสียงของไทย พร้อมรุกขยายตลาดสู่ประเทศกลุ่ม CLMV
เอกพล กิตติรัตนาภินันท์ ประธานกรรมการ บริษัท นิคอนไทยเซลล์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้ผลิตเครื่องเสียง “เชอร์แมน” เปิดเผยว่า “เชอร์แมน เป็นแบรนด์เครื่องเสียงของไทย ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 18 ปี จำหน่ายเครื่องเสียง ทั้งสำหรับใช้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ได้แก่ ลำโพง โฮมเธียร์เตอร์ เครื่องขยายเสียง และไมโครโฟน มีจุดเด่นเรื่องพลังเสียงเบสที่หนักแน่น ด้วยเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมัน และดีไซน์ที่ร่วมสมัย ในราคาที่เหมาะสม เจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับ C+ ถึง B+ โดยมีโรงงานผลิตและประกอบที่ได้มาตรฐานบนพื้นที่กว่า 7,000 ตร.ม. มีกำลังการผลิตได้ถึง 5,000 เครื่องต่อวัน ในจังหวัดสมุทรสาคร จัดจำหน่ายผ่าน ช่องทางโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ ทั้ง ดิสเคาน์สโตร์ ได้แก่ เทสโก้โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร และดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ได้แก่ โฮมโปร พาวเวอร์บาย และพาวเวอร์มอลล์ รวมถึงร้านดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ”
“ด้วยเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ สถานที่ในการเลือกซื้อสินค้า รวมถึงพฤติกรรมการฟังเพลง ทำให้บริษัทฯได้นำแนวคิด “สมาร์ท ซาวด์” เข้ามาเพื่อเป็นทิศทางการกำหนดการทำตลาดแบบบูรณาการ (Integrated Marketing) ที่จะสอดคล้องกันในทุกๆ ส่วนผสมการตลาด ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีด้านผลิตภัณฑ์ การขยายช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ และต่างประเทศ และการสื่อสารการตลาดสร้างแบรนด์ไปยังกลุ่มผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์กับดิจิตอลไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค และสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน”
ชูเทคโนโลยีบูลทูธ เชื่อมต่อโมบายแอบพลิเคชั่น “ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสินค้ารวมกว่า 40 รายการ ทั้งใช้สำหรับภายในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งครองใจผู้บริโภคมาตลอดเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องเสียงในประเทศไทย และบริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคยุคดิจิตอลด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีบูลทูธเข้าไปในเครื่องรุ่นใหม่ๆ ของเชอร์แมน ซึ่งจะรองรับการเล่นไฟล์เพลงและภาพยนตร์ผ่านทางระบบบูลทูธไร้สายเชื่อมต่อเข้ากับโมบายแอบพลิเคชั่น “ซาวด์ บ็อกซ์” ที่บริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้น โดยผู้บริโภคสามารถเลือกและเล่นเพลงโปรดทางโทรศัพท์มือถือ ให้เสียงมาออกที่เครื่องเสียง และลำโพงของเชอร์แมนได้ทันที ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค ลดขั้นตอนความซับซ้อนในการดึงไฟล์เพลงสุดโปรดจากโทรศัพท์มือถือ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถสัมผัสสุนทรีย์จากพลังเสียงอันหนักแน่นจากเครื่องเสียงเชอร์แมนได้”
นอกจากนั้น ยังได้เร่งสร้างการรับรู้ ชู “แบรนด์ไทย” ก่อนรุกขยายตลาดออนไลน์และ CLMV ซึ่ง เอกพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปีนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้ากลยุทธ์สร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เชอร์แมน เครื่องเสียงแบรนด์ไทย คุณภาพเยี่ยม ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 18 ปี พร้อมได้รับเครื่องหมายสัญลักษณ์ “ไทยแลนด์ทรัสต์มาร์ค” (Thailand Trust Mark) จากกระทรวงพาณิชย์ ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ เช่น การใช้ Blogger รีวิวผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาด ณ จุดขาย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ซึ่งการตอกย้ำ “แบรนด์ไทย” จะใช้ต่อยอดการขยายตลาดสู่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ดิจิตอลของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่หันมานิยมการช้อปปิ้งออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันเครื่องเสียงเชอร์แมน ได้วางจำหน่ายในช่องออนไลน์ ได้แก่ ลาซาด้า เอ็นโซโก้ ไอทรูมาร์ท และ คอมเซเว่น ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 5% ของยอดขายทั้งหมด (ช่องทางโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่มีสัดส่วน70% และร้านจำหน่ายเครื่องไฟฟ้าทั่วไปมีสัดส่วน 25%) แม้ปัจจุบันยังเป็นสัดส่วนที่น้อย แต่พบว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็ว และจะกลายเป็นช่องทางการตลาดสำคัญของบริษัทต่อไป
ด้านแผนรุกตลาดต่างประเทศในกลุ่ม CLMV คือ กัมพูชา ลาว เมียนม่า และเวียดนามนั้น จะยังคงใช้ฐานการผลิตที่ไทยแล้วส่งออกไปจำหน่าย ซึ่งจากการศึกษาตลาดพบว่า ผู้บริโภคมีความชื่นชอบและเชื่อถือสินค้าแบรนด์ไทย ทั้งยังรู้จักแบรนด์เชอร์แมนเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งการเปิดตลาดใหม่ในปีนี้ จะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 100 ล้านบาท ภายในปี 2559 นี้ “นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าที่ทันสมัย ตอบโจทย์ ตามเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคแล้ว การยกระดับแบรนด์ สร้างการรับรู้ และความน่าเชื่อถือของ “เชอร์แมน เครื่องเสียงแบรนด์ไทย” นับเป็นกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และสร้างการเจริญเติบโตบริษัทในระยะยาวอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังเป็นการสร้างชื่อเสียง สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยอีกด้วย โดยเราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท พร้อมเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องเสียงในปี 2559 นี้”
