web analytics

ติดต่อเรา

โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS)

นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 58 ของบริษัท ว่า มีรายได้รวมจำนวน 238.92 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 266.81 ล้านบาท หรือลดลง 10 % และมีกำไรสุทธิจำนวน 3.39 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 17.72 ล้านบาท หรือลดลง 81 %

ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การลงทุนโครงการก่อสร้างทั้งของภาครัฐและเอกชนมีการชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณงานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทปรับตัวลดลงตาม อีกทั้งขนาดของโครงการของกลุ่มลูกค้าในบางธุรกิจมีขนาด   เล็กลง อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถทำกำไรได้ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนในด้านต่างๆ ที่สอดคล้องกับสภาวะของธุรกิจ

สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจและรองรับการชะลอตัวของงานในประเทศ โดยบุกตลาดในกลุ่มประเทศ AEC มากขึ้น ปัจจุบันได้เริ่มเข้าไปรับงานในประเทศลาว กัมพูชา มาเลเซีย และอยู่ระหว่างการเดินหน้าขยายตลาดในประเทศพม่า มุ่งเน้นหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมแนะนำธุรกิจและบริการของ PPS ให้เป็นที่รู้จักของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้ารับงานในอนาคต

ส่วนงานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างในประเทศ บริษัทเริ่มเข้ารับงานภาคเอกชนมากขึ้นโดยเป็นโครงการก่อสร้างในภาคธุรกิจค้าปลีก โรงพยาบาล คอนโดมีเนียม ขณะที่งานก่อสร้างในภาคไอที และท่องเที่ยวยังอยู่ระหว่างการเสนองาน ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมืออยู่ที่ 300 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึง ปี 2561 สำหรับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลโครงการท่าอากาศยานสุวรรณ-ภูมิเฟสสองได้ภายในไตรมาส 2 และโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในไตรมาส 3 ซึ่ง PPS มีประสบการณ์การทำงานดังกล่าวเป็นอย่างดี และมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการด้วยเช่นกัน

“PPS มีเป้าหมายในการรับงานที่หลากหลายมากขึ้น ทั้ง 3 ส่วน ประกอบด้วย งานใน AEC งานภาครัฐ ภาคเอกชน เพราะถ้าอนาคตงานส่วนไหนมีปัญหา ก็จะมีอีกส่วนคอยเสริมรายได้ให้กับบริษัทและสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคง ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 300ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากลูกค้าใน AEC 10% งานภาครัฐ 30% งานภาคเอกชน 70% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 35 %” นายธัช กล่าว

นายธัช กล่าวต่อไปว่า จากการประชุมของคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 ให้จัดสรรกำไรเป็นเงินปันผลจากกำไรสุทธิของปี 58 ในอัตราหุ้นละ 0.0556 บาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 22.24 ล้านบาท เงินปันผลดังกล่าวจะจ่ายเป็นหุ้นปันผลจำนวน 20.00 ล้านบาท (หุ้นสามัญจำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) เเละเงินสดปันผลจำนวน 2.24 ล้านบาท ในวันที่ 19พ.ค. 59

นอกจากนี้คณะกรรมการยังมีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกเเละเสนอขายใบสำคัญเเสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 1 (“PPS-W1”) จํานวนไม่เกิน 240 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่า (รวมทั้งผู้ถือหุ้นที่ได้รับหุ้นปันผล) อายุ 2 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบสําคัญแสดงสิทธิฯ ใบสําคัญแสดงสิทธิฯ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิเท่ากับ 0.40 บาท/หุ้น

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 เพื่อพิจารณาเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 100 ล้านบาท (หุ้นสามัญ 400 ล้านหุ้น  มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) เป็น 180 ล้านบาท (หุ้นสามัญ 720 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) โดยหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 80 ล้านหุ้น ใช้เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลดังกล่าว และหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 240 ล้านหุ้น ใช้เพื่อรองรับการใช้สิทธิ PPS-W1

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *