web analytics

ติดต่อเรา

แมคลาเรน 570S Coupé

แมคลาเรน สปอร์ตซีรีส์ คือ รุ่นที่สามและรุ่นสุดท้ายในครอบครัวแมคลาเรนออโต้โมทีฟ โดยจะเปิดตัวสองโมเดลแรก 570S Coupé คือโมเดลแรกและมีพละกำลังมากที่สุด และ 540C Coupé จะมีราคาที่ย่อมเยาว์กว่า เปิดตัวในไตรมาสที่สอง ปี พ.ศ. 2559

อีกสองซีรีย์ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า คือ อัลติเมทซีรีย์ (แมคลาเรน P1™ และ แมคลาเรน P1™ GTR) และซุปเปอร์ซีรีส์ ซึ่งเป็นหัวใจของแมคลาเรน (650S เปิดตัวแล้วทั้งแบบ Coupé และ Spider และรุ่นแมคลาเรน 675LT)

สปอร์ตซีรีส์จะสร้างความประจักษ์ในดีเอ็นเอของแมคลาเรนให้แก่ตลาดรถสปอร์ต แต่ละโมเดลได้รับการออกแบบ และตกแต่งเครื่องยนต์โดยทีมผู้มีความเชี่ยวชาญ ณ ศูนย์เทคโนโลยีของแมคลาเรน พร้อมด้วยทีมปฏิบัติการฟอร์มูล่าวัน นอกจากนี้ ทุกคันยังสร้างขึ้นด้วยมือของช่างฝีมือผู้ชำนาญการ ในศูนย์ผลิตที่ทันสมัย

แมคลาเรนทุกคัน ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อขับบนถนนและเพื่อแข่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 สปอร์ตซีรีส์ยังคงใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์ และใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ที่ให้สมรรถนะและประสิทธิภาพสูงสุด

การออกแบบ และอากาศพลศาสตร์
แผงดักลมในกันชนหน้า แยกการถ่ายเทของอากาศสู่ 4 ทิศทาง ผ่านทั้งใต้รถและตลอดตัวถัง ตัวยึดประตูและครีบยันลอยประสานกันได้เป็นอย่างดี กับปีกหลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์
• ดีไซน์แบบ “Shrinkwrapped” เพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศตลอดตัวถัง
• ปีกประตูปรับแต่งประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศบริสุทธิ์
• ครีบยันที่หรูหราเพิ่มแรงกดที่กระทำต่อตัวรถ และความเย็นของรถ

สปอร์ตซีรีส์ของแมคลาเรน กำหนดมาตรฐานการออกแบบใหม่ ให้แก่สปอร์ตคาร์ทั้งหมด เป็นครั้งแรกของโลก ด้วยการตกแต่งตัวถังแบบ shrinkwrapped สร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นแมคลาเรนอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยครีบยันลอย ประตูปีกนก และหน้าต่างหลังแบบเว้า ที่สง่างาม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสปอร์ตคาร์ทั้งหมด

การออกแบบครั้งสุดท้ายของ 570S Coupé ใกล้เคียงกับแบบร่างขั้นต้น ที่นำเสนอโดยหัวหน้างานออกแบบ ร็อป เมลวิลล์ และทีม คงความเนี้ยบในเส้นสาย และรูปลักษณ์ภายนอกที่ชัดเจน ที่เอื้อในการถ่ายเทของอากาศตลอดตัวถัง

การปรับแต่งอากาศพลศาสตร์
การออกแบบกันชนหน้าในรุ่นสปอร์ตมีความสำคัญอย่างยิ่งและเกี่ยวข้องกับวิถีของลมกับตัวถัง เนื่องจากเป็นส่วนแรกที่ปะทะกับลม 570S จึงออกแบบกันชนหน้าให้ลมปะทะและแยกอากาศให้ไหลเวียน ผสานการใช้ฝากระโปรงขึ้นรูปที่ช่วยระบายลมไปตามส่วนโค้งของล้อหน้าอย่างราบรื่น ส่วนประตูแบบเปิดยกอันเป็นดีไซน์เฉพาะของแมคลาเรนที่นำมาจากรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน ได้รับการติดตั้งมาอย่างสวยงามในแบบยกสูงพร้อมแนวเส้นข้างซึ่งออกแบบมา เพื่อแยกกระแสลมให้ไหลเข้าช่องลมด้านข้าง และไหลสู่ใต้ครีบยันอย่างสม่ำเสมอ

ประตูปีกนก ความสง่างามอันน่าหลงใหล
รถของแมคลาเรนทุกคัน ยังคงใช้ประตูปีกนกอันเป็นเอกลักษณ์จากแมลคาเรนฟอร์มูล่าวัน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 อย่างไรก็ตาม ประตูรุ่นใหม่ได้รับการปรับปรุงให้ผู้ขับสามารถเข้าสู่ตัวรถได้สะดวกยิ่งขึ้น โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์แบบ MonoCell II ยังสร้างรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และเอื้อในการเข้า-ออกตัวรถ

ประตูอันทันสมัยและสง่างามนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแมคลาเรน P1™ ออกแบบให้ยกสูงเพื่อให้กระแสลมไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ช่องลมไหลสู่หม้อน้ำอุณหภูมิสูงได้โดยง่าย ทำให้สามารถออกแบบช่องลมให้เล็กลง ลดแรงต้านในการขับ

ประตูผลิตจากอะลูมิเนียมเป็นหลักเพื่อลดน้ำหนักและเพื่อการออกแบบทางอากาศพลศาสตร์ที่ประณีต ประตูช่วงบนใช้กระบวนการฉีดเรซิ่นเพื่อให้รูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งแต่ยังคงอ่อนช้อยในเวลาเดียวกัน และใช้แกนน้ำหนักเบา ปุ่มเปิดอยู่ใต้ช่วงล่างของประตูเพื่อสร้างความสง่างามให้แก่แผงด้านนอกประตู

การออกแบบสปอร์ตซีรีส์ มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ เห็นได้เด่นชัดจากการออกแบบกระจกด้านข้าง ที่ยังสามารถช่วยสร้างความเย็นของตัวถังได้อีกถึงสองเปอร์เซ็นต์

ครีบยัน
การออกแบบ ‘Shrinkwrapped’ ของแมคลาเรน สปอร์ตซีรีส์ เอื้อให้ลมไหลเวียนได้สะดวกในทุกช่องทาง
ด้านหลังส่วน Glasshouse ในสปอร์ตซีรีส์ประกอบด้วยเสายกแบบซี เอื้อให้ลมไหลตามรูปของห้องโดยสารและไหลด้านล่างของรถ การออกแบบทางอากาศพลศาสตร์เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ สถาปัตยกรรมยานยนต์ที่ยอดเยี่ยมนี้ทำให้มั่นใจได้ว่า ตลอดตัวรถรุ่น 570S จะเกิดแรงต้านต่ำสุด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นและแรงกดต่อตัวเครื่องสูงสุด

ความโดดเด่นของรถสปอร์ตซีรีส์ คูเป้ คือ กระจกเว้าของด้านหลังระหว่างครีบยัน และเสา B ที่บางลง เอื้อในด้านวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมให้กับสปอร์ตซีรีส์ อันเป็นดีไซน์ซิกเนเจอร์ของยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรีส์โดยเฉพาะ

ดิฟฟิวเซอร์หลัง
การจัดการไหลเวียนของอากาศ จากกันชนหน้าจนถึงสปอยเลอร์หลัง คือหัวใจของสปอร์ตซีรีส์ แมคลาเรนยังมีดิฟฟิวเซอร์หลังที่เหนือชั้น ปล่อยอากาศสะอาดเข้าสู่เครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านล่างของสปอร์ตซีรีส์ราบเรียบโดยสิ้นเชิงเพื่อให้อากาศไหลผ่านสู่ท้ายเครื่องยนต์และดิฟฟิวเซอร์หลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับในรถฟอร์มูล่าวัน การจัดการที่เยี่ยมยอดของอากาศภายใต้ตัวรถ จะทำให้เกิด ground effect เพื่อควบคุมด้านอากาศพลศาสตร์ได้อย่างสูงสุด

ไฟ LED
สปอร์ตซีรีส์ใช้ไฟ LED ด้านหน้าและด้านหลัง การออกแบบของไฟหน้าตอกย้ำโลโก้ของแมคลาเรนในการเป็นเจ้าแห่งความเร็วด้วย DRLs สำหรับไฟยามกลางวัน โดยระบบไฟจะดำเนินการด้วยอัตโนมัติและมีฟังก์ชั่น “Follow Me Home” และ “Overseas Tourist” อีกด้วย สามารถปรับได้โดยง่ายสำหรับประเทศที่ใช้การขับขี่ทางซ้ายหรือทางขวา ไฟหลังเกี่ยวเนื่องกับสัญญาณเลี้ยว

น้ำหนักเบา
มาร์ค วินเนลส์ กรรมการบริหาร ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า “ด้วยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา 570S Coupé น้ำหนักตัวรถเปล่ามีน้ำหนักเบาอยู่ที่ 1,313 กิโลกรัม น้อยกว่าแบรนด์คู่แข่งถึง 140 กิโลกรัม”
• มอบอัตราส่วนกำลังเครื่องต่อน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในคลาสที่ 434 แรงม้าต่อตัน
• ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ MonoCell II กาบประตูที่ต่ำและบางลง เพื่อช่วยให้เข้าสู่ตัวรถได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น โดยมีน้ำหนักเพียง 75 กิโลกรัม
• ใช้โครงรถอะลูมิเนียมเป็นครั้งแรก เอื้อการออกแบบที่ซับซ้อน ง่ายดายยิ่งขึ้น และยังเอื้อน้ำหนักที่เบายิ่งขึ้น
• สปอร์ตซีรีส์ของแมคลาเรน คือ โมเดลแรกในรถสายพันธุ์สปอร์ตที่ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด

โครงรถ
หัวใจของสปอร์ตซีรีส์ คือการใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา เช่นเดียวกับแมคลาเรนทุกคันที่ได้พัฒนาเพื่อใช้บนถนนและสนามแข่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 แม้ว่าจะคล้ายกับโครงสร้างของซุปเปอร์ซีรีส์ แต่โครง MonoCell II คือจุดต่างที่สำคัญของสปอร์ตซีรีส์ ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน มีการปรับปรุงประตูเพื่อให้เข้า-ออกห้องโดยสารได้สะดวกยิ่งขึ้น โครงสร้างรถยังมีความแข็งแรงเป็นพิเศษและให้น้ำหนักที่เบาน้อยกว่า 75 กิโลกรัม

คาร์บอนไฟเบอร์ MonoCell II แข็งกว่าโครงอะลูมิเนียมถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และเหนือชั้นกว่าโครงเหล็ก ให้ความปลอดภัยหากเกิดการชน

โครงรถของแมคลาเรนยังมีข้อดีในการซ่อมแซม อะลูมิเนียมหน้าและหลังได้รับการออกแบบให้สามารถแก้ไขได้ง่าย แตกต่างจากรถที่เป็นอะลูมิเนียมทั้งคันหรือโครงรถเหล็กซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ง่ายต่อตัวรถทั้งคันเมื่อมีการซ่อมแซมส่งผลกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

ตัวถัง
570S Coupé ใช้อะลูมิเนียมเป็นหลักในการตกแต่งตัวถัง ผ่านกระบวนการ “ซุปเปอร์ฟอร์ม” ที่ใช้อะลูมิเนียมร้อนเป่าให้เป็นรูปร่างต่างๆ ขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ ด้วยวัสดุที่อ่อนนุ่มจึงสามารถขึ้นรูปทรงต่างๆ ที่ละเอียดอ่อนได้โดยง่าย อาทิเช่น แผงคอนโซลหลัง

ล้อ
สปอร์ตซีรีส์เปิดตัวพร้อมกับล้อในดีไซน์ใหม่ๆ ที่ผู้ขับสามารถเลือกแต่งตามความต้องการ ตัวเครื่องมาตรฐานจะใช้ล้อน้ำหนักเบา 14 ซี่ ขนาด 19 นิ้วที่ล้อหน้า และ 20 นิ้วที่ล้อหลัง สำหรับล้อแบบ Two Super Lightweight จะมาพร้อมกับล้อ 5 หรือ 10 ซี่ ซึงจะให้น้ำหนักที่เบาลงถึง 7 กิโลกรัม แต่ละแบบจะใช้วัสดุเงิน แต่ผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นวัสดุเป็นเงิน หรือเพชร ได้
การขับขี่
“เราใส่ใจในทุกจุดภายในห้องโดยสาร เพื่อให้สปอร์ตซีรีส์เป็นรถที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่เพียงแต่ในเรื่องราคา แต่ยังคงความเร้าใจในการขับสูงสุด” คริส กู้ดวิน หัวหน้าแผนกเทสต์ไดรฟ์ของแมคลาเรน
• 0-100 กม/ชม (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ภายใน 3.2 วินาที และ 0-200 กม/ชม (124 ไมลฺต่อชั่วโมง) ภายใน 9.5 วินาที
• ซอฟต์แวร์ Performance Traction Control ของแมคลาเรน มอบการควบคุมที่แม่นยำมากขึ้น ใน สถานการณ์ที่รุนแรง
• ระบบกันสะเทือนที่พัฒนาขึ้นใหม่ใช้ adaptive damper และ anti-roll bars เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการขับบนถนน และในการแข่งขัน

สปอร์ตซีรีส์ ให้ประสิทธิภาพการขับที่ยอดเยี่ยมและเร้าใจในการขับ เหนือคู่แข่งในสายพันธุ์สปอร์ต ด้วยคุณสมบัติที่สัมผัสได้เพียงในซุปเปอร์คาร์รุ่นท้อป อาทิ ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา, ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ประสิทธิภาพโดยรวมสำหรับ 570S Coupé คือระดับผู้นำในรุ่น ด้วยความเร็วสูงสุด 328 กิโลเมตร/ชั่วโมง (204 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ระบบพวงมาลัย
พวงมาลัยของแมคลาเรน 570S มาพร้อมระบบ fast steering rack ratio ที่เอื้อให้ผู้ขับสามารถบังคับพวงมาลัยได้ตามทิศทางที่ต้องการเมื่อใช้ความเร็วสูงสุด โดยใช้ระบบไฮดรอลิกร่วมกับไฟฟ้า (electro-hydraulic) เพื่อมอบประสบการณ์ขับอย่างแท้จริง แตกต่างจากระบบที่มีการติดตั้งด้วยไฟฟ้าทั้งหมด

ปั๊มไฮดรอลิกร่วมกับไฟฟ้ายังเอื้อระบบยกหน้าซึ่งช่วยเพิ่มความสูงของตัวรถอยู่ที่ 40 มิลลิเมตร เมื่อใช้ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถยกรถได้เพียงสัมผัสเดียวผ่านแผงควบคุมที่พวงมาลัย

ยาง
ยางของแมคลาเรนทุกรุ่นมีการทดสอบอย่างสม่ำเสมอร่วมกับพันธมิตรพิเรลลิ โดยจะเน้นย้ำในเรื่องความบาลานซ์ ความคล่องตัว และความยึดเกาะถนน เพื่อให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการขับสูงสุด

คริส กู้ดวิน หัวหน้าแผนกเทสต์ไดรฟ์ของแมคลาเรน กล่าวว่า “แมคลาเรนทำงานร่วมกับพิเรลลิอย่างใกล้ชิดเพื่อออกแบบยางที่เหมาะสมกับสปอร์ตซีรีส์ ยางรถมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะส่งผลต่อการบังคับรถโดยตรง แมคลาเรนและพิเรลลิจึงพัฒนายางประสิทธิภาพเยี่ยมซึ่งถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของแมคลาเรนรุ่นนี้”

570S Coupé ติดตั้งยางพิเรลลิ รุ่น Pirelli P Zero™ Corsa ขนาดยางล้อหน้า 225/35/R19 และ 285/35/R20 ที่ล้อหลัง ยาง Corsa ได้รับการพัฒนาพิเศษด้านความแข็งของผนังและหนังยาง ซึ่งจะช่วยเรื่องการเกาะติดพื้นผิวถนน

ระบบเบรก
570S Coupé ติดตั้งเบรกดิสก์คาร์บอนเซรามิก ขนาด 394 มม.x 36 มม. ที่ล้อหน้า และขนาด 380 มม. x 34 มม. ที่ล้อหลัง พร้อมด้วยคาลิเปอร์ลูกสูบ 6 ลูก ที่ด้านหน้า และ 4 ลูกที่ด้านหลัง ระบบเบรก ABS ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เช่นกัน ลดการกระตุกที่คันเหยียบ

ระบบ Electronic Stability Control หรือ ESC ใหม่ ของ Bosch ประกอบด้วยโหมด Dynamic ใหม่ และโหมด Driftability ระบบ ESC ของแมคลาเรน 570S ยังประกอบด้วยสวิตช์ควบคุมใหม่ล่าสุด ซึ่งสามารถเลือกโหมดการควบคุมแบบเต็มรูปแบบ แบบไดนามิค หรือปิดระบบ ESC เมื่อขับในโหมด Sport หรือ Track พร้อมระบบปั๊มและวาล์วคู่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ

แมคลาเรน 570S ยังมาพร้อมระบบ Performance Traction Control ใหม่ ที่ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ของแมคลาเรนเพื่อมอบการควบคุมที่มีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ อาทิเช่น ในโหมด Dynamic ระบบ Traction Control จะเอื้อให้การขับมั่นคงยิ่งขึ้นเมื่อเกิดการลื่น (Yaw angle)

BRAKE STEER
สปอร์ตซีรีส์ มาพร้อมด้วยคุณสมบัติของรถแข่งฟอร์มูล่าวัน อาทิ ระบบ Brake Steer ที่แมคลาเรนพัฒนาขึ้นในซีซั่น 1997 และถูกห้ามใช้ในภายหลังเนื่องจากประสิทธิภาพที่ดีเกินคาดเหนือคู่แข่งใดๆ ระบบ Brake Steer จะช่วยเรื่องการเข้ามุมโดยจะบังคับการเบรกล้อหลัง เพื่อให้คนขับเบรกได้เองภายหลัง

SUSPENSION
สปอร์ตซีรีส์ติดตั้งระบบ Suspension ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพการขับบนถนนและบนทางแข่ง โดยจะใช้ Adaptive Damper พร้อมด้วย Anti-rollbar หน้าและหลัง แตกต่างจาก ซุปเปอร์ซีรีส์และฟอร์มูล่าวัน เอื้อการควบคุมการเด้งและการกระแทก

คริส กู้ดวิน กล่าวว่า “รถสปอร์ตคาร์จะมุ่งเน้นในเรื่องการบาลานซ์ความเกาะตัว และการตอบสนองของยางและพวงมาลัยเป็นหลัก สปอร์ตซีรีส์ จะมีประเภทยางให้เลือกน้อยกว่าโมเดลอื่นๆในรุ่นซุปเปอร์หรืออัลติเมทซีรีส์รถก็ยังให้สมรรถนะจุดประสงค์ในการขับขี่ที่สูง แต่อย่างไรก็ตาม เราก็สนใจในเรื่องความรู้สึกของผู้ขับเช่นกัน ซึ่งยากที่จะวัดเป็นค่าใด แต่เราก็ดูได้จากรอยยิ้มของผู้ขับเมื่อเค้าโค้ง ซึ่งแสดงถึงสมรรถนะยางคุณภาพเยี่ยมของเรา”

ระบบส่งกำลังรถยนต์
• ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ V8 ด้วยชิ้นส่วนใหม่กว่า 30% ให้กำลัง 570 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร
• ระบบ Stop-start system ติดตั้งในแมคลาเรนเป็นครั้งแรก ให้ประสิทธิภาพการขับที่ดีขึ้นสำหรับการขับขี่ในเมือง รวมถึงการปรับปรุงอัตราการกินน้ำมันและการปล่อย CO2
• การปรับเกียร์ที่ดียิ่งขึ้นด้วยระบบเกียร์ 7 speed (SSG) มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Cylinder Cut’

เครื่องยนต์
สปอร์ตซีรีส์ ประกอบด้วยนวัตกรรมเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ M838TE ด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นพิเศษกว่า 30% ให้พละกำลัง 570 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตร จะอยู่ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที

ระบบการขับขี่ล้อหลังเครื่องยนต์ขนาดกลางเอื้อให้การบังคับและความคล่องตัวดีขึ้น ให้พละกำลังมหาศาลผ่านเกียร์แบบ 7 speed (SSG) ระบบ Stop-start นำมาใช้ในแมคลาเรนเป็นครั้งแรก เอื้อการขับขี่ในเมือง และยังมีการปรับปรุงอัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 25.5 mpg และการปล่อยมลพิษ 258 กรัมต่อกิโลเมตร

การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพระบบส่งกำลังรถยนต์ รวมถึง ระบบบังคับระยะเพลาลูกเบี้ยว 60 ดีกรี ใหม่ ซึ่งลดแรงเฉื่อยของเครื่องยนต์ภายใน ให้การควบคุมที่ดีขึ้น ส่งผลดีกับทั้ง การปล่อย CO2 และการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบสุญญากาศถูกลบออกจากเครื่องยนต์ ทำให้น้ำหนักลดลงไป 2.5 กิโลกรัม

เทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกับซุปเปอร์ซีรีส์ คือ เครื่องยนต์จากฟอร์มูล่าวัน M838TE ประกอบด้วย ระบบหล่อลื่นอ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขณะเข้าโค้ง โดยปราศจากน้ำมันไหล พร้อมด้วยเพลาข้อเหวี่ยง flat-plane crankshaft เพื่อให้มีศูนย์กลางโน้มถ่วงที่ดีขึ้น รวมถึงการบังคับรถและความคล่องแคล่วของการขับ

สปอร์ตซีรีส์ ติดตั้งด้วยท่อร่วมไอเสียที่มีความยาวเท่ากัน ทำจากเหล็กที่ไม่เป็นสนิม ช่วยให้การปล่อยควันเสียได้ดีขึ้น และปรับความดันด้านล่าง ให้เกิดการไหลแบบสม่ำเสมอ

ชุดส่งกำลัง
สปอร์ตซีรีส์ ใช้ระบบ 7 speed แบบคลัทช์คู่ เหมือนกับ 650S และผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับได้ แบบ ‘ปกติ’, ‘สปอร์ต’ และ ‘แข่ง’

มาร์ค วินเนลส์ กรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า “สัมผัสแห่งการขับขี่เมื่อผู้ขับเร่งหรือผ่อนเครื่อง คือ คุณสมบัติเด่นของรุ่น สปอร์ตซีรีส์ ที่จะสร้างให้ผู้ขับรู้สึกถึงความเร้าใจในสมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง”

เทคโนโลยี “Cylinder Cut” ใช้ในการเปลี่ยนเกียร์ ที่ได้เปิดตัวในรุ่น 650S ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น สำหรับทั้งการปรับเกียร์ ขึ้น-ลง และยังมีการควบคุมจานจ่ายเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์เร็วขึ้นกว่า 10 เท่า

การควบคุมสามแบบ Powershift, GT3 Shift และ ‘Inertia Push’ ยังได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อสร้างความเร้าใจในการขับขี่ทุกสถานะการณ์

ระบบควบคุมกระปุกเกียร์ยังได้รับการแยกออกจากการควบคุมเครื่องยนต์ เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วขึ้น

งานฝีมือ
แอนเดรีย บาเรส กรรมการบริหารฝ่ายคุณภาพ กล่าวว่า “เราเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากโครงการที่ผ่านมา และโครงการปัจจุบัน เมื่อเราเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตสปอร์ตคาร์ ยิ่งสร้างความท้าทายให้แก่เรา และเพิ่มขีดระดับของคุณภาพและประสิทธิภาพ ในงานฝีมือของเราให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก”
• บริการการตกแต่งภายใน โดยช่างออกแบบของแมคลาเรน ที่ผู้ขับสามารถเลือกได้ระหว่าง สปอร์ต หรือ หรูหรา
• ประกอบขึ้นด้วยมือ ในศูนย์แมคลาเรน ที่ทันสมัย ในเซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ
• รถแต่ละคันใช้แรงคนถึง 188 ชั่วโมง โดยทีมช่างเทคนิค และช่างตกแต่ง กว่า 370 คน
• สปอร์ตซีรีส์ของแมคลาเรนสะท้อนนวัตกรรมล่าสุดของแมคลาเรน และมีออพชั่นให้เลือกเยอะที่สุด

การตกแต่งภายนอก
เป็นครั้งแรก สำหรับรถที่สามารถขับบนถนนของแมคลาเรน รุ่นสปอร์ตซีรีส์มีการใช้อะลูมิเนียมในโครงด้านนอกของรถ

แมคลาเรน 570S มีการใช้วิธี Superform โดยการเป่าอะลูมิเนียมที่ร้อนเป็นรูปร่างต่างๆที่ต้องการ ทำให้สามารถออกแบบรูปทรงชิ้นส่วนที่ประณีตได้ อาทิเช่น แผงหลัง ที่ให้น้ำหนักเบาด้วย อะลูมิเนียมเบากว่าคอมโพสิตในซุปเปอร์ซีรีส์ โดยใช้ที่บังโคลนหน้า-หลัง ฝากระโปรงห้องเครื่อง แผงหลัง ประตูด้านล่าง และเพดาน ส่วนบนของประตูรวมถึง tendons และ spitter หน้า ทำจากคอมโพสิต

เฉดสีใหม่
สปอร์ตซีส์เปิดตัวด้วยหลากสีให้ผู้ขับเลือก สร้างสรรค์ร่วมกันกับช่างเทคนิค AkzoNobel นำเสนอถึง 17 สี โดยสีที่คิดค้นใหม่ คือ Ventura Orange, Vermillion Red, Bourbon และ Blade Silver

Standard Special Elite
Blue Blade Silver Vermillion Red
White Mantis Green Ventura Orange
Silver McLaren Orange Bourbon
Storm Grey Volcano Orange
Silica White Pearl White
Onyx Black Volcano Yellow
Ice Silver
Fire Black

การตกแต่งภายใน
การตกแต่งภายในห้องโดยสารเน้นในเรื่องของพื้นที่และหลักสรีรศาสตร์ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับและสัมภาระ โดยรวม สปอร์ตซีรีส์ยาวกว่ารุ่นซุปเปอร์ซีรีส์ 11 มิลลิเมตร ห้องโดยสารกว้างและยาวขึ้น โครงคาร์บอนไฟเบอร์และประตูปีกนกได้รับการปรับปรุง จึงสามารถเข้าออกห้องโดยสารได้ง่ายยิ่งขึ้น เสา A เลื่อนออกข้างมากขึ้นเพิ่มพื้นที่ และการมองเห็นด้านหน้า ในขณะที่เสา B แคบลงเพื่อวิสัยทัศน์การขับที่ดีขึ้น

สัมผัสของความหรูหราเพิ่มยิ่งขึ้นด้วยการใช้ floating centre console เพิ่อสร้างความลึกให้แก่ห้องโดยสาร รูปร่างและเส้นสายไร้รอยต่อจากภายนอกถึงภายใน พร้อมด้วยระบบ IRIS หน้าจอสัมผัส

แมคลาเรน 570S ใส่ใจในเรื่องการใช้งานประจำวัน จึงมีการสร้างที่เก็บสัมภาระตรงประตูแต่ละข้าง พร้อมช่องใส่ของตรงที่พักแขนและกระปุกเกียร์

ระบบ IRIS แบบหน้าจอสัมผัส เช่นเดียวกับที่เห็นใน McLaren P1™ ควบคุมระบบแอร์ ระบบวิทยุ DAB ระบบนำทาง บลูทูธ ระบบเชื่อมต่อสื่ออื่นๆ การสั่งงานด้วยเสียง ระบบเสียงเพลง และยังรวมถึงคู่มือการใช้งานอิเล็กทรอนิก เช่นเดียวกับทุกรุ่นของแมคลาเรน หน้าจอสัมผัสเป็นแบบแนวตั้ง

การออกแบบภายใน “โดย แมคลาเรน”
เปิดตัวครั้งแรกในรุ่น 675LT ที่เจนีวา มอเตอร์โชว์ ด้วยสีและวัสดุที่มีความพิเศษ สปอร์ตซีรีส์ นำเสนอ “By McLaren” หลากหลายดีไซน์ โดยปัจจุบันมีให้เลือกกว่า 10 แบบ แบ่งเป็น 5 แบบ เน้นย้ำในเรื่องความหรูหรา และอีก 5 แบบ กับสัมผัสสปอร์ต ที่นั่งแบบรถแข่งให้เลือกอีกหลายแบบ ทุกการออกแบบคัดสรรโดยทีมออกแบบของแมคลาเรนโดยตรง

ที่นั่ง
ที่นั่งใหม่ในสปอร์ตซีรีส์ให้ความสะดวกสบายยิ่งขึ้น หากเลือกโมเดลมาตรฐาน ที่นั่งจะสามารถปรับได้ 6 ทาง และ 4 ทาง สำหรับผู้โดยสาร และหุ้มด้วยเครื่องหนัง และยังมีหุ้มเบาะให้เลือกอีก 4 แบบ Nappa Sport, Nappa Design, Nappa Alcantara® และ ‘By McLaren’ specifications ผู้ขับยังสามารถเลือกที่นั่งแบบปรับได้ 8 แบบ พร้อมฟังก์ชั่น ปรับความร้อน หรือสามารถเลือกที่นั่งคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นเดียวกับ McLaren P1™ ซึ่งจะลดน้ำหนักตัวรถได้ถึง 15 กิโลกรัม

เครื่องเสียง
โมเดลมาตรฐานจะมาพร้อมกับลำโพงสี่ตัว ซึ่งมีน้ำหนักที่เบา ซับวูฟเฟอร์แบบวอยซ์คู่ สองตัว และลำโพงแบบ Tweeter สองตัว เพื่อให้เสียงมีความคมชัดยิ่งขึ้น พร้อมเครื่องขยายเสียงคลาส AB ขนาด 240 วัตต์

ผู้ขับสามารถอัพเกรดลำโพง เพิ่มเป็น 8 หรือ 12 ตัว หรือลำโพงเพิ่มเป็น 320 วัตต์ เพื่อเพิ่มความอรรถรสในเสียงเพลงมากยิ่งขึ้น

สำหรับระบบ ลำโพง 12 ตัว ได้รับการออกแบบโดย Bowers & Wilkins ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงของอังกฤษ

การใช้ในทุกวัน
จอลเลี่ยน แนช กรรมการบริหาร ฝ่ายขายและการตลาดระดับโลก กล่าวว่า “ทุกโมเดลของแมคลาเรนมีความชาญฉลาด สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แต่สปอร์ตซีรีส์เหนือชั้นขึ้นอีกระดับ ทีมวิศวกรได้ปรับแต่งให้สปอร์ตซีรีส์มีความสะดวกสบาย มีพื้นที่เก็บสัมภาระที่เพิ่มขึ้น วิสัยทัศน์ที่ดียิ่งขึ้น ปัจจัยอื่น ยังมีความสำคัญ อาทิ การบำรุงรักษาที่สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น และราคาของสปอร์ตซีรีส์ ส่งผลให้ 570S Coupé เป็นคู่แข่งที่แท้จริงในตลาดรถสปอร์ต”

McLaren 570S Coupe Launch (9)

ห้องโดยสาร
การออกแบบ และรูปแบบของ การตกแต่งภายใน 570S Coupé เอื้อให้สามารถมองสู่ภายนอกได้ดียิ่งขึ้น และมีพื้นที่ภายในที่เพิ่มขึ้น สปอร์ตซีรีส์จะยาวกว่าซุปเปอร์ซีรีส์ 11 มิลลิเมตร

วิสัยทัศน์
คุณสมบัติการออกแบบที่สำคัญของสปอร์ตซีรีส์ เช่นเดียวกับแมคลาเรนทุกโมเดล คือ ฝาครอบกระจกที่ต่ำ และรูปร่างของปีกหน้า ด้วยหน้าจอด้านหน้าสูงขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น

ความกว้างขวางในห้องโดยสาร และการมองเห็นจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อเสา A เคลื่อนไปด้านนอก และเสา B แคบลง ต่อไปในฐานะ เสา A ของเราจะ ย้าย ออก ไปอีก และเสา B ที่มี แคบ

ช่องเก็บของ
แมคลาเรน 570S ใส่ใจในเรื่องการใช้งานประจำวัน จึงมีการสร้างที่เก็บสัมภาระที่ตัวรถด้านหน้าที่สามารถบรรจุของได้ถึง 144 ลิตร สำหรับของใช้ประจำวันจะสามารถเก็บที่ตรงประตูแต่ละข้าง พร้อมช่องใส่ของตรงที่พักแขนและกระปุกเกียร์

McLaren 570S Coupe Launch (12)

CONTROL INTERFACE & INFOTAINMENT
สปอร์ตซีรีส์ติดตั้งหน้าจอ TFT LCD สำหรับแสดงการทำงานของรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์ การนำทาง และระบบเสียง โดยยังสามารถควบคุมผ่านพวงมาลัยได้

แผงหน้าจอแอลซีดี แสดงข้อมูล แบ่งเป็นสามโซน โดยตรงกลาง หน้าจอขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลสถิติ อาทิ ความเร็วรถ ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ และการเลือกเกียร์ ในขณะที่ หน้าจอด้านข้าง อีกสองหน้าจอ ขนาด 3 นิ้ว ให้ข้อมูล คำแนะนำการนำทาง เข็มทิศ ข้อมูลการแข่ง และสถิติอื่นๆ สปอร์ตซีรีส์ยังใช้ การนำทางแบบ turn-by-turn เป็นครั้งแรก

การแสดงข้อมูลจะแตกต่างกันตามโหมดที่ผู้ขับเลือก สามแบบ “ปกติ” “สปอร์ต” และ “แข่ง”

McLaren 570S Coupe Launch (10)

McLAREN TRACK TELEMETRY
ระบบ IRIS-based Track Telemetry ระบุเวลาในการแข่งและข้อมูลรถ โดยผู้ขับสามารถเลือกติดตั้งกล้องเพิ่มเติมอีกสามตัวได้

ระบบนี้จะเอื้อให้ผู้ขับสามารถวางแผนเส้นทางการขับหรือเวลาร่วมกับระบบจีพีเอส แสดงบนหน้าจอ ซึ่งสามารถใช้แข่งขันกันได้จากข้อมูลที่บันทึกไว้ พร้อมแสดงกราฟข้อมูล ความเร็วของรถ รูปแบบการขับยังสามารถเก็บบันทึกได้สำหรับการขับครั้งต่อไป และวิดีโอการขับที่สามารถดาวน์โหลดได้ผ่านยูเอสบี

ราคาตลอดอายุการใช้งาน
ราคาของแมคาเรน รวมสิทธิ์ครอบครอง และการเข้ารับบริการ รถแมคลาเรนยังมีการปล่อยของเสียสู่ชั้นบรรยากาศที่น้อยมาก จึงไม่ต้องเสียภาษีมลพิษ สำหรับผู้ขับในทวีปอเมริกาเหนือ

แมคลาเรน สปอร์ตซีรีส์ มุ่งหมายให้ผู้ขับ สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ โดยมีอัตราน้ำมันที่ใช้ได้นานกว่าโมเดล 650S กว่า 10%

เฉกเช่นเดียวกับรถแมคลาเรนทุกคัน สปอร์ตซีรีส์มีการให้บริการประจำปีเพื่ออัพเดทซอฟแวร์ให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ โดยค่าแรงและอะไหล่ที่จะใช้ในการปรับปรุงแมคลาเรนสปอร์ตซีรีส์จะน้อยกว่าครึ่ง หากเทียบกับเครื่องยนต์ 12C ที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2554

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กำหนดทุกๆ สองปี หรือ เมื่อวิ่งครบ 15,000 กิโลเมตร หรือ อย่างใดอย่างหนึ่ง

นอกจากนี้ การใช้อะลูมิเนียมตลอดตัวถัง ยังเอื้อในการปรับปรุงซ่อมแซม ดังนั้น ค่าใช้จ่ายหากมีการซ่อมจึงถูกกว่าโมเดลอื่นๆ ของแมคลาเรน

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *