web analytics

ติดต่อเรา

เป็น DJ ใครว่าต้องมีแต่ “พรสวรรค์”

เชื่อว่าหลายคนรู้จักคำว่า DJ และคงรู้ด้วยว่าคนที่มีอาชีพนี้เขาต้องทำงานหลักๆ อะไรบ้าง คำว่า DJ ย่อมาจาก Disc Jockey ความหมายก็หมายถึงคนที่เป็นผู้เล่นเพลงและเลือกเพลงเพื่อให้ผู้ฟังได้อรรถรสกัน อย่างที่เราคุ้นเคยกันก็เช่น DJ ตามรายการวิทยุ หรือ DJ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น แล้วคนที่เขาเป็น DJ นอกจากจะต้องมีความรู้เรื่องเพลงแล้ว ยังแบ่งแยกออกเป็น DJ ตามสไตล์ของเพลงอีกหลากหลายประเภท สำหรับ DJ คนนี้ นายภีรภัทร โพธิเวชกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เขาเป็น DJ สายสแครช (Scratching) วันนี้เราจะมาพูดคุยกับเขาถึงความชื่นชอบในด้านนี้กัน

“พูดถึงเรื่องการเปิดแผ่นเป็น DJ จริง ๆ แล้วมาจากความชอบก่อนเลยครับ ตอนนั้นเริ่มเข้ามาทำงานกิจการนักศึกษาของคณะ เป็นงานมีตติ้งที่รุ่นพี่รุ่นน้องมาเจอกัน ผมเห็นรุ่นพี่คนหนึ่งเขาเป็นดีเจเปิดแผ่นในงาน นี่คือจุดชนวนเลย เพราะเราก็ชอบอยู่เป็นทุนเดิม พอได้พูดคุยกับพี่เขาก็เริ่มลามเป็นเรื่องใหญ่โต ถึงกับขอให้พี่เขาสอนให้เป็นเรื่องเป็นราว ต้องขอบคุณรุ่นพี่คนนี้เลยเพราะว่าเขาสอนให้แบบเอ็นดูเลยครับ ไม่คิดค่าสอน พอเริ่มรู้จักวิธี เริ่มเข้าใจ ก็อาศัยฝึกฝนเองเพิ่มเติม ประลองความรู้ด้วยการไปออดิชั่นตามร้านต่าง ๆ ขยับขั้นจากลองเป็นได้งาน จนมีลูกค้าที่น่าจะแนวเดียวกันชอบสไตล์เดียวกัน บีทเดียวกัน เขาชอบและก็ติดต่อให้ไปเปิดแผ่นตาม Event ครับ

จริง ๆ ถ้าตอนนี้เลยก็เรียกว่าเป็นอาชีพแล้วครับ ทำงานหาเงินส่งตัวเองและส่งให้พ่อและแม่บ้าง ผมทำประจำอยู่ที่ ‘Fake illusion’ ครับ พอได้เริ่มการเป็น DJ แบบจริงจัง สิ่งที่ผมเรียนรู้ได้เลยคือ คนจะเป็น DJ ต้องมีความเป๊ะเรื่องเวลา ต้องมีความรับผิดชอบ ในการขึ้นโชว์แต่ละครั้ง ไม่สามารถที่จะเล่นเกินเวลาหรือจบก่อนเวลาได้ ตรงนี้ฝึกทักษะให้เราซื่อตรงด้านเวลา และก็กระทบไปถึงเวลาในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย เพราะบ่อยครั้งที่จะต้องเลิกงานดึกมาก ๆ และเช้าต้องตื่นมาเรียน ความรับผิดชอบตรงนี้มันก็หล่อหลอมมาจากการทำงาน ผมเชื่อเสมอว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร ทุกอย่างมันอยู่ที่ความตั้งใจของเรา เคยครับที่ผู้ปกครองมักจะเป็นห่วงว่าเรามาเรียนทำกิจกรรมด้วย ทำงานหาเงินด้วย แล้วเราจะสามารถโฟกัสเรื่องเรียนได้หรือเปล่า แม้ว่าผมจะให้คำยืนยันไม่ได้ในตอนแรก แต่ตอนนี้ผมก็พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วว่าถ้าเราตั้งใจจะทำแล้ว เราต้องทำได้”

สำหรับผมแล้ว การได้ลงมือทำคือคำตอบ ใครว่าภาษาอังกฤษยาก มันคงจะยากถ้าเรามองว่ามันยากและไม่ลงมือทำความรู้จักกับมัน ใครว่าไม่รู้จะเรียนอะไรดี ไม่รู้จะทำงานอดิเรกอะไรดี มันคงจะไม่มีคำตอบถ้าเรายังไม่ได้ลงมือ ในเส้นทางของผมนี้ ผมก็ตอบไม่ได้ว่าอะไรจะยั่งยืน แต่ตอนนี้ผมมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก เราชอบ และยิ่งกว่าความสุขนั้น คือผมสามารถทำให้ครอบครัวภูมิใจ ซึ่งนี่ก็เรียกได้ว่าเป็นที่สุดในตอนนี้แล้วครับ

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *