web analytics

ติดต่อเรา

ATP30 จับมือพันธมิตร เชลล์ ประเทศไทย ใช้บริการ Shell Card

ปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการ โดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็ม เอ ไอ บริษัทมีโอกาสในการร่วมงานกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินงานของบริษัทมากขึ้น

โดยในช่วงที่ผ่านมา ATP30 ได้ลงนามความร่วมมือกับ เชลล์ ประเทศไทย เพื่อใช้บริการ Shell Card ซึ่งถือเป็นผู้นำระบบบัตรเติมน้ำมันในประเทศ สามารถบริหารและควบคุมบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบออนไลน์ ตรวจสอบรายละเอียดการใช้บัตร พร้อมทั้งออกแบบ Report ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งมีระบบควบคุมการใช้งานกำหนดให้แต่ละบัตรคู่กับยานพาหนะแต่ละคัน สามารถระบุผลิตภัณฑ์และบริการที่คนขับรถสามารถใช้บัตรได้ ซึ่งการใช้บริการดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้บริษัทยังได้ลงนามความร่วมมือใน MOU กับ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) ในโครงการเติมทุนหมุนเวียนคู่ค้า หรือ LIT-Supply Chain Finance เพื่อสนับสนุนสินเชื่อ เสริมสภาพคล่องในการทำธุรกิจอย่างรวดเร็วให้กับคู่ค้าของ ATP30 โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ เพราะซัพพลายเออร์บางส่วนของบริษัทเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่นำรถตู้มาวิ่งร่วมในสัญญา หากซัพพลายเออร์มีทุนเพียงพอก็จะสามารถขยายกำลังรถให้เพียงพอต่อความต้องการของบริษัทได้มากขึ้น เป็นการยกระดับมาตรฐานของอาชีพให้กับซัพพลายเออร์เหล่านี้ ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

“หลังการเข้าจดทะเบียนในเอ็ม เอ ไอ ATP30 มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของบริษัทในหลายๆมุม  ส่งผลให้มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องมาตลอด ทั้งในแง่การร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมศักยภาพของบริษัท การเป็นที่รู้จักของกลุ่มองค์กรต่างๆมากขึ้น จากเดิมบริษัทมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 2-3 ราย ปัจจุบันได้รับการติดต่อเพื่อให้นำเสนอบริการจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงไตรมาสแรกบริษัทลงนามสัญญากับลูกค้ารายใหม่แล้วจำนวน 3 ราย  อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจราจากับลูกค้ารายใหม่อีก 4 ราย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส2”นายปิยะ กล่าว

อย่างไรก็ตามการขยายงานของ ATP30 จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เติบโตทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ โดยยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการเดินรถ บุคลากร ตลอดจนการบริหารจัดการให้มีความพร้อมและเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งในปีนี้มั่นใจว่าบริษัทจะเติบโตได้ดีทั้งรายได้และกำไร โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 59 ที่ประมาณ 310 ล้านบาทหรือเติบโตไม่น้อยกว่า 15% และคาดว่าจะมีกำไรที่สูงขึ้นจากปี 58 อย่างมีนัยสำคัญ

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *